ทลายโกดังเครื่องสำอางปลอม ยึดแชมพู-เครื่องสำอางปลอมแบรนด์ดัง กว่า 1 แสนชิ้น มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย บก.ปคบ. ปฏิบัติการบุกทลายโกดังเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมปลอมแบรนด์ดังที่ระบาดใน แพลตฟอร์มออนไลน์ ในพื้นที่เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร ตรวจยึดของกลาง กว่า 118,455 ชิ้น มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจยึดนำโดย พ.ต.ท.สุรสีห์ คงทัพ สว.กก.4 บก.ปคบ. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ.
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ได้รับเบาะแสจากบริษัท 88 (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ว่าพบการจำหน่ายผลิตภัณฑ์แชมพูสมุนไพร ยี่ห้อไลโอปลอม บนแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นจำนวนมาก
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการสืบสวนจนทราบถึงสถานที่จัดเก็บและสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ว่ามีการลักลอบนำสินค้าปลอมมาเก็บไว้ในโกดังพื้นที่เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร เพื่อรอการกระจายสินค้า
โดยในวันที่ 23 ธันวาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ.นำหมายค้นของศาลอาญา และศาลอาญามีนบุรี เข้าค้นสถานที่เก็บสินค้าในพื้นที่ เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร จำนวน 2 จุด ดังนี้
1. สถานที่ใช้เป็นจุดรับพัสดุตีกลับ ภายในบ้านพักในพื้นที่ ซอยเพิ่มสิน 42 แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพฯ
2. สถานที่จับเก็บสินค้าภายในโกดังในพื้นที่ ซอยเพิ่มสิน 42 แขวงสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร ตรวจยึดผลิตภัณฑ์เครื่องเครื่องสำอางปลอม ดังนี้
1. ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมดูและหนังศีรษะยี่ห้อ ไลโอ ปลอม จำนวน 25,892 ขวด
2. ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า NU Formula ปลอม จำนวน 3,390 ขวด
3. ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง CeraVe ปลอม จำนวน 2,600 ขวด
4. ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง Bioderma ปลอม จำนวน 768 ขวด
5. ผลิตภัณฑ์แชมพูยี่ห้อ head & shoulder ปลอม จำนวน 1,032 ชิ้น
6. ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางปลอม ยาสีฟัน ยาสระผม ปลอม ยี่ห้ออื่นๆ จำนวน 57,364 ชิ้น
7. สติ๊กเกอร์ สำหรับติดผลิตภัณฑ์ปลอม ยี่ห้อต่างๆ จำนวน 23,355 ดวง
8. ฉลาก หมึกพิมพ์ อุปกรณ์สำหรับปลอมฉลาก อุปกรณ์อื่น จำนวน 4,054 ชิ้น
รวมตรวจยึดของกลาง รวม 118,455 ชิ้น มูลค่ากว่า 10,000,000 บาท ส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ดำเนินคดี
จากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่า โกดังสินค้าดังกล่าวผู้เช่าเป็นชาวจีน ทำการโฆษณาจำหน่ายสินค้าปลอมผ่านแฟลตฟอร์มออนไลน์ โดยลักลอบนำเข้าสินค้าปลอมจากต่างประเทศ และนำมาจัดเก็บที่โกดังเก็บสินค้าในพื้นที่เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร เพื่อรอคำสั่งซื้อจากลูกค้าในประเทศไทย เมื่อมีการสั่งซื้อ จะทำการบรรจุลงกล่องส่งให้ลูกค้า มียอดขายประมาณวันละ 500-1,000 ชิ้น โดยทำมาแล้วประมาณ 6 เดือน
โดยกลุ่มผู้ต้องหา มักจะสับเปลี่ยนบัญชีที่รับโอนเงินค่าสินค้าโยกย้ายสถานที่จัดเก็บสินค้าอยู่ตลอด รวมถึงมีการเปลี่ยนแปลงชื่อร้านในแพลตฟอร์ม ออนไลน์เพื่อเป็นการอำพรางและให้ให้ตรวจสอบได้ยาก
เบื้องต้นการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม
1. พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ.2558 ฐาน “ขายเครื่องสำอางปลอม” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2. พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 ฐาน “มีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอม” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกิน 400,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. กล่าวว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้ คือการทำหน้าที่ของตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ในการ ‘ตัดวงจร’ ภัยเงียบที่กำลังรุกคืบเข้าสู่บ้านของพี่น้องประชาชนผ่านหน้าจอโทรศัพท์ ซึ่งผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมและเครื่องสำอาง เป็นสิ่งที่สัมผัสกับร่างกายโดยตรง เมื่อกลุ่มผู้กระทำความผิด นำสารเคมีที่ไม่ได้มาตรฐานมาสวมรอยลักลอบผลิตเครื่องสำอางแบรนด์ต่างๆ เพื่อลดต้นทุน นอกจากความเสียหายทางเศรษฐกิจของเจ้าของลิขสิทธิ์แล้ว ยังส่งผลต่อความเสี่ยงทางสุขภาพของผู้บริโภคที่ใช้ ทั้งอาการแพ้รุนแรง ผมร่วง หรือสารพิษสะสม











