อดีต สส.แอนศิริ วลัยกนก การเมืองไม่ควรเป็นเรื่องไกลตัว และไม่ควรเป็นเพียงถ้อยคำสวยหรูในห้องประชุม หากแต่ควรเริ่มต้นจากชีวิตจริงของผู้คนในพื้นที่
ในสายตาของ อดีต สส.แอนศิริ วลัยกนก การเมืองไม่ควรเป็นเรื่องไกลตัว และไม่ควรเป็นเพียงถ้อยคำสวยหรูในห้องประชุม หากแต่ควรเริ่มต้นจากชีวิตจริงของผู้คนในพื้นที่ — จากชาวบ้านที่ต้องตื่นเช้าทำงานทุกวัน จากเยาวชนที่กำลังมองหาอนาคตของตนเอง และจากประชาชนธรรมดาที่อยากเห็นบ้านเมืองดีขึ้น แม้จะไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นอย่างไร
นี่คือเหตุผลที่ พรรคประชาชน ถูกออกแบบขึ้นบนรากฐานของประชาธิปไตย การมีส่วนร่วม และการกระจายอำนาจ ไม่ใช่ในฐานะอุดมการณ์ลอย ๆ แต่ในฐานะเครื่องมือที่ทำให้ผู้คนรู้สึกว่า “เสียงของเรา มีความหมาย”
พรรคประชาชนยืนยันว่า ไม่ได้เกิดมาเพื่อทำงานเฉพาะช่วงเลือกตั้ง แล้วหายไปจากชีวิตของผู้คนในพื้นที่ หากแต่ตั้งใจทำงานการเมืองในระยะยาว สืบทอดอุดมการณ์จากพรรคอนาคตใหม่ที่แม้จะถูกยุบ แต่ยังคงทิ้งคำถามสำคัญไว้กับสังคมไทยว่า การเมืองจะดีกว่านี้ได้หรือไม่ หากประชาชนมีส่วนร่วมมากกว่านี้
ในหลายชุมชน พรรคประชาชนไม่ได้เข้าไปเพียงเพื่อแจกแผ่นพับหรือขอคะแนนเสียง แต่เข้าไปนั่งคุย ฟังปัญหา และเรียนรู้ไปพร้อมกับผู้คน — ฟังเสียงพ่อค้าแม่ค้าที่อยากให้เศรษฐกิจในชุมชนดีขึ้น ฟังเสียงเกษตรกรที่อยากมีอำนาจต่อรองมากกว่านี้ และฟังเสียงเยาวชนที่อยากมีพื้นที่ในการแสดงความคิดเห็นอย่างปลอดภัย
การเลือกตั้งจึงเป็นเพียงจุดหนึ่งของการเดินทาง เป็นโอกาสที่ประชาชนจะได้เลือกผู้แทนเข้าไปทำหน้าที่ในสภา แต่การเมืองที่ดีไม่ควรหยุดอยู่แค่นั้น พรรคประชาชนเชื่อว่า การเมืองต้องอยู่ในชุมชน อยู่ในโรงเรียน อยู่ในตลาด และอยู่ในบทสนทนาประจำวันของผู้คน
เมื่อถึงการเลือกตั้ง พรรคประชาชนจะส่งผู้สมัครลงแข่งขันอย่างเต็มกำลัง เพื่อเข้าไปใช้อำนาจทางการเมืองในการเปลี่ยนแปลงประเทศ แต่เป้าหมายของอำนาจนั้น ไม่ใช่การครอบครอง หากคือการส่งต่อ — ส่งต่ออำนาจการตัดสินใจกลับคืนสู่มือของประชาชน
หลังการเลือกตั้ง งานของพรรคยังคงดำเนินต่อไป ผ่านกิจกรรมอย่าง “ห้องเรียนประชาชน” ที่เปิดพื้นที่ให้คนธรรมดาได้เรียนรู้เรื่องประชาธิปไตยในภาษาที่เข้าใจง่าย และผ่านการทำงานเชิงประเด็นในพื้นที่ ที่ไม่ได้มุ่งหวังผลรวดเร็ว แต่เชื่อในพลังของความต่อเนื่อง
พรรคประชาชนยังตั้งใจสร้างพื้นที่ที่เป็นมิตร เปิดกว้าง และปลอดภัย สำหรับเยาวชน นิสิต นักศึกษา ให้ได้พบปะ พูดคุย และแลกเปลี่ยนความคิด เพราะพวกเขาไม่ใช่เพียงอนาคตของประเทศ หากแต่เป็นปัจจุบันที่กำลังตั้งคำถาม และกำลังมองหาคำตอบด้วยตัวเอง
ทั้งหมดนี้อาจไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่ฉับไว แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ค่อยเป็นค่อยไป เติบโตจากความไว้เนื้อเชื่อใจ และจากความรู้สึกว่า เราไม่ได้เดินลำพัง
เพราะการเมืองที่ดี อาจไม่จำเป็นต้องเริ่มจากเสียงดัง
แต่อาจเริ่มจากการนั่งฟังกันอย่างตั้งใจ จากการจับมือกันในพื้นที่เล็ก ๆ แล้วค่อย ๆ ขยายเป็นความหวังของทั้งประเทศ
และนี่คือคำชวนอย่างอ่อนโยนจากพรรคประชาชน
ให้ทุกคนลุกขึ้นมาเป็น“ประชาชน” อย่างเต็มความหมายเพื่อร่วมกันสร้าง “อนาคตใหม่” ที่ไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง








