เพื่อนบ้านไม่จบ! สาววัย 36 อุ้มลูก 3 ขวบ แจ้งความน้ำตานอง กลางดึก ถูกยกแท่นแบริเออร์ขวางบ้าน ซ้ำฝ่าฝืนคำสั่งศาล
วันที่ 22 ธันวาคม 2568
ภาพสะเทือนใจกลางค่ำคืน เมื่อหญิงวัย 36 ปี ต้องอุ้มลูกชายวัยเพียง 3 ขวบ วิ่งโร่เข้าแจ้งความที่ สน.ทุ่งครุ หลังถูกเพื่อนบ้านนำแท่นแบริเออร์ขนาดใหญ่ วางขวางทางเข้า–ออกหน้าบ้าน ซ้ำเป็นเหตุซ้ำซาก แม้เคยมีคำสั่งศาลห้ามไว้แล้ว แต่ยังถูกเพิกเฉย จนแม่ลูกต้องอยู่ในสภาพ “ถูกขัง” ภายในบ้านอย่างไร้ทางออก หากเกิดเหตุฉุกเฉินอาจถึงชีวิต
นางสาว ลูกหนู อายุ 36 ปี เปิดใจทั้งน้ำตากับผู้สื่อข่าวถึงเหตุการณ์สุดอัดอั้นที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 21 ธันวาคม เวลาประมาณ 21.30 น. หลังเลิกงาน เธอพาลูกชายตัวน้อยกลับถึงบ้านภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านทุ่งครุ แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร แต่ภาพที่เห็นตรงหน้ากลับทำให้หัวใจแม่แทบสลายแท่นแบริเออร์ขนาดใหญ่สีส้ม ถูกนำมาวางขวางหน้ารถของเธออย่างจงใจ ขณะที่ด้านท้ายรถก็ถูกปิดทางด้วยรถของบ้านข้างเคียง ทำให้ไม่สามารถขยับรถเข้าออกได้แม้แต่นิดเดียว
“ถ้าเกิดลูกไม่สบาย ถ้าเกิดไฟไหม้ หรือมีเหตุฉุกเฉินกลางดึก ฉันจะพาลูกออกไปยังไง”
คำพูดสั่นเครือของแม่ลูกอ่อน สะท้อนความหวาดกลัวที่ไม่มีใครควรต้องเผชิญ
คุณ ลูกหนู เผยว่า เธอพยายามขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้มาช่วยขยับแท่นแบริเออร์ แต่ด้วยน้ำหนักที่มากเกินกำลัง ทำได้เพียงยืนมองอย่างสิ้นหวัง ก่อนตัดสินใจอุ้มลูกไปแจ้งความในคืนนั้นทันที
เช้าวันที่ 22 ธันวาคม เธอกลับไปพบพนักงานสอบสวนตามนัดหมาย และมีการประสานเจ้าหน้าที่สายตรวจลงพื้นที่ แต่กลับต้องเผชิญความจริงอันเจ็บปวดอีกครั้ง เมื่อไม่สามารถเคลื่อนย้ายแท่นแบริเออร์ได้ เนื่องจากเป็นทรัพย์สินส่วนบุคคลของคู่กรณี เจ้าหน้าที่จึงแนะนำให้ผู้เสียหายไปยื่นร้องทุกข์ต่อศาลแขวงธนบุรี เพื่อขออำนาจศาลก่อนจึงจะสามารถดำเนินการได้
แต่ที่น่าตกใจคือ เหตุการณ์ลักษณะนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่เป็นปัญหายืดเยื้อเรื้อรังมานานหลายปี จนถึงขั้นเคยขึ้นศาลมาแล้วเมื่อเดือนมีนาคม 2568 และศาลมีคำสั่งชัดเจน ห้ามนำสิ่งของหรือวัตถุใดมาวางกีดขวางทางสาธารณะ
แต่คำพิพากษาของศาล กลับไม่อาจหยุดพฤติกรรมของเพื่อนบ้านรายนี้ได้
“หนูไม่อยากมีปัญหา อยากอยู่แบบต่างคนต่างอยู่ แต่เขาไม่จบ หนูขอแค่ความปลอดภัยให้ลูก”
คำวิงวอนจากแม่ผู้หมดหนทาง ที่ขอเพียงชีวิตสงบให้ลูกชายวัย 3 ขวบ ได้เติบโตในสภาพแวดล้อมที่ไม่ต้องหวาดผวา
ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายหลายฉบับ ได้แก่
พ.ร.บ.รักษาความสะอาดฯ พ.ศ. 2535 มาตรา 19 มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท
พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 ฐานกีดขวางการจราจร ปรับไม่เกิน 500 บาท
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 385 ฐานกีดขวางทางสาธารณะ ปรับไม่เกิน 5,000 บาท
สุดท้าย แม่ลูกอ่อนรายนี้ ฝากวิงวอนถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เข้ามาเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย หรือหาทางยุติปัญหาที่บั่นทอนหัวใจของคนเป็นแม่คนหนึ่ง
“ขอแค่สงสารเด็กคนหนึ่ง เขาแค่ 3 ขวบเอง ไม่ควรต้องโตมากับความหวาดกลัวแบบนี้”







