วันอังคาร, ธันวาคม 23, 2025
หน้าแรกภูมิภาคภ.จว.อุบลฯ ชี้แจงข่าวจับสายลับชาวกัมพูชา แท้จริงเป็นคนงานก่ิสร้างพลัดหลงจากชลบุรี

ภ.จว.อุบลฯ ชี้แจงข่าวจับสายลับชาวกัมพูชา แท้จริงเป็นคนงานก่ิสร้างพลัดหลงจากชลบุรี

กดที่นี่เพื่ออ่านข่าว

ภ.จว.อุบลฯ ชี้แจงข่าวจับสายลับชาวกัมพูชา แท้จริงเป็นคนงานก่ิสร้างพลัดหลงจากชลบุรี

วันนี้ ( 11 ธ.ค.68 ) ผู้สื่อข่าวของเรารายงานว่า ทีมโฆษกตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี จากกรณีที่มีข่าวปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ ทางเพจเฟซบุ๊ก “น้ำขุ่นบ้านเฮา” รวมถึงทางสื่อโทรทัศน์ “ข่าวเที่ยงไทยรัฐ” และ “ข่าวเย็นช่องวัน” เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2568 กรณีผู้นำหมู่บ้าน และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) จับกุมชายปริศนาคาดว่าเป็นสายลับกัมพูชา ในพื้นที่ตำบลตาเกา อำเภอน้ำขุ่น จังหวัดอุบลราชธานี และนำส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ นั้น

ตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี ขอเรียนชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2568 เวลาประมาณ 06.50 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรน้ำขุ่น ได้รับแจ้งจากประชาชน หมู่บ้านซำสะกวยน้อย หมู่ 8 ตำบลตาเกา อำเภอน้ำขุ่น จังหวัดอุบลราชธานี ว่าพบบุคคลต้องสงสัย ลักษณะคล้ายชาวกัมพูชา เดินอยู่บนถนนในหมู่บ้าน ประกอบกับช่วงดังกล่าวมีเหตุการณ์ปะทะระหว่าง ไทย – กัมพูชา ตามแนวชายแดน เกรงว่าบุคคลดังกล่าวจะเป็นภัยต่อประชาชนและชุมชน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบชายชาวกัมพูชา ตามที่ได้รับแจ้งถูกชาวบ้านควบคุมตัวไว้ จึงได้สอบถามทราบชื่อภายหลังคือ นายซาด ซะ ชาวกัมพูชา อายุ 36 ปี บ้านอยู่ที่เมืองประปรีน จังหวัดเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ ไม่มีเอกสารใดๆแสดงได้ว่าเข้ามาในราชอาณาจักรโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงได้ควบคุมตัวมาที่ สถานีตำรวจภูธรน้ำขุ่น เพื่อสืบสวนสอบสวนขยายผล

 

นายซาดฯ ให้การยืนยันว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายกัมพูชา ก่อนเกิดเหตุเมื่อประมาณปี พ.ศ.2566 ตนรับว่าได้ลักลอบเข้ามาในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย ผ่านทางช่องทางปอยเปตเพื่อหางานทำและรับจ้างก่อสร้างที่จังหวัดชลบุรี ต่อมาได้รับผลกระทบจากการสู้รบ ในพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา และถูกเลิกจ้าง ประกอบกับไม่มีเงินติดตัว และไม่ทราบเส้นทางกลับประเทศกัมพูชา จึงได้หลบหนีเดินทางออกมาตามถนนเรื่อยๆ จนได้มาถึงบริเวณหมู่บ้านที่เกิดเหตุ ไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ เนื่องจากมีการสู้รบ จึงได้หลบซ่อนตัวในป่า กระทั่งมีชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองไปพบเห็น และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปควบคุมตัวมาสอบสวนดำเนินคดี ในชั้นนี้ได้ดำเนินคดีในความผิด เป็นคนต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และ ยังไม่ปรากฏพยานหลักฐานอื่นๆ หรือเครื่องมือสื่อสารใดๆ ที่สามารถยืนยันได้ว่าบุคคลดังกล่าวเป็นสายลับที่ เข้ามาปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายกัมพูชา โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายยุทธการการข่าวของกองทัพบกได้ร่วมซักถามปากคำด้วยแล้ว ไม่ติดใจว่าเป็นสายลับแต่อย่างใด ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2568 สถานีตำรวจภูธรน้ำขุ่นได้ส่งสำนวนการสอบสวนไปยังอัยการจังหวัดเดชอุดม เพื่อดำเนินการต่อไป

 

กิตติภณ เรืองแสน / ข่าว.

Ad 1
Ad 2