“มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดตัว “ธงแดงแจ้งฝุ่น” เตือนภัยตรงจุด ไม่ง้อแอป นวัตกรรมสู้ PM2.5 ด้วยพลังชุมชน”
คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ เทศบาลตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม
ชูนวัตกรรม “ENVI NOSE” ติดตั้งในชุมชน สร้างระบบเฝ้าระวังที่ยั่งยืน เข้าถึงกลุ่มเปราะบางได้ทันท่วงที วิกฤตฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) กำลังจะถูกท้าทายด้วยนวัตกรรมใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังชุมชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 เวลา 09:00 น ที่ห้องประชุม เทศบาลตำบลศาลายา นำโดย รองศาสตราจารย์ ดร. กิติกร จามรดุสิต คณบดี คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และนายณัฐวัฒน์ ปริยพาณิชย์ นายกเทศมนตรีตำบลศาลายา พร้อมด้วย นายอิทธิพงศ์ จักษ์ตรีมงคล นายอำเภอพุทธมณฑล ได้ฤกษ์เปิดตัวโครงการ “ธงแดงแจ้งฝุ่น” ระบบเฝ้าระวังค่าฝุ่นละอองที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและสาธารณสุขในระดับท้องถิ่น
โครงการนี้ได้นำเทคโนโลยีตรวจวัดฝุ่นต้นแบบ “ENVI NOSE” ที่พัฒนาโดยคณะฯ มาติดตั้งในจุดสำคัญของชุมชน เช่น บ้านผู้นำชุมชน และแหล่งรวมคน อาทิ หน้าเทศบาลตำบลศาลายา และตลาดสถานีรถไฟ โดยได้รับความอนุเคราะห์ จาก เทศบาลตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ในการผลักดันโครงการนี้
ENVI NOSE: นวัตกรรมเล็กพริกขี้หนู
เครื่องตรวจวัดฝุ่น “ENVI NOSE” มีต้นทุนที่ต่ำและมีความแม่นยำสูง ความคลาดเคลื่อนในการวัดผลเพียง 4% เท่านั้น ทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะใช้พลังงานสะอาด จากโซลาร์เซลล์ และ สามารถวัดผลให้ข้อมูลเที่ยงตรง ด้วยระบบชดเชยความชื้นอัตโนมัติ ทำให้การรายงานสถานการณ์ฝุ่นมีความน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น
“เราต้องการให้ทุกคนในชุมชนรู้สถานการณ์ฝุ่นได้ทันทีที่มองเห็น โดยไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีซับซ้อน”
แดง เหลือง เขียว สัญญาณเตือนที่เข้าใจได้ง่ายไม่สร้างความสับสน
และนี่เป็นสิ่งที่ทำให้ “ธงแดงแจ้งฝุ่น” แตกต่างจากเครื่องมือการวัดทั่วไปที่สลับซับซ้อน การแสดงผลที่เข้าใจง่าย เน้นการสื่อสารที่ “ง่ายและเข้าถึงได้จริง” โดยเฉพาะสำหรับกลุ่มคนที่ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลผ่านแอปพลิเคชันหรือสื่อออนไลน์ได้
ระบบจะแจ้งเตือนสถานการณ์ฝุ่นผ่าน ธงสี 3 ระดับ คือ เขียว (คุณภาพอากาศดี ทำกิจกรรมกลางแจ้งได้ปกติ) เหลือง (ค่าฝุ่น PM2.5 เริ่มมีผลต่อสุขภาพ ควรสวมหน้ากากเมื่อออกนอกอาคาร) แดง (ระดับฝุ่น PM2.5 สูงมาก ต้องใส่หน้ากากป้องกันฝุ่นและควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้ง) ที่เห็นและเข้าใจได้ทันที ทำให้ประชาชนสามารถรับรู้สถานการณ์ได้ง่าย ช่วยลดความเสี่ยงต่อสุขภาพและ สามารถป้องกันได้อย่างรวดเร็ว
เราหวังที่จะสร้าง “ชุมชนสู้ฝุ่น” เข้าถึงข้อมูลฝุ่นได้อย่างรวดเร็ว ทั่วประเทศ
โครงการนี้ไม่ได้มุ่งแค่การตรวจวัดฝุ่น แต่มีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่า คือการสร้าง “ต้นแบบชุมชนสู้ฝุ่น” ที่มีระบบเฝ้าระวังฝุ่นที่ยั่งยืน และเสริมสร้าง ความร่วมมือข้ามภาคส่วน ในการดูแลสิ่งแวดล้อมของตนเอง
เราต้องการสร้างเครือข่ายชุมชนให้เข้มแข็ง ที่พร้อมร่วมกันขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมาย “อากาศสะอาดเพื่อทุกคนและเพื่อชีวิตที่ยั่งยืน”มารอติดตามกันว่าคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จะมีเทคโนโลยีอะไรเจ๋งๆ ที่จะช่วยให้คนไทยได้มีอากาศที่สะอาดอย่างไรต่อ
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : https://en.mahidol.ac.th/pm/salaya
