รวบจีนเทา ขบวนการฟอกเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แฝงใช้ อีลิท วีซ่า ขณะกำลังหลบหนีออกนอกประเทศ
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม พร้อมด้วยกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา MR.DAQIANG (นายต้าเฉียง) อายุ 39 ปี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 3508/2568 ลง 13 มิ.ย.68
ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, สมคบโดยการตกลงตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันเป็นอั้งยี่”
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปลายเดือนมีนาคม 2568 ผู้เสียหายพบโฆษณาขายสินค้าทางเฟซบุ๊ก และถูกนำไปยังกลุ่มไลน์ Open Chat ชื่อ “Shopping Center” ซึ่งมีสมาชิกกว่า 700 คน ผู้เสียหายจึงเริ่มลงขายสินค้าหนึ่งชิ้นราคา 1,420 บาท ต่อมามี “ลูกค้า” สนใจและขอรหัสร้านค้า แอดมินแจ้งว่าต้องลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ “SELLER CENTER” และให้ติดต่อเจ้าหน้าที่การเงิน เจ้าหน้าที่อ้างว่ามียอดขายเข้าระบบแต่ยังถอนไม่ได้เพราะยังไม่ “เปิดการมองเห็นร้านค้า” จากนั้นผู้เสียหายถูกเชิญเข้ากลุ่มไลน์เล็กชื่อ “เปิดการมองเห็นร้านค้า” และให้ออกจากกลุ่มเดิม โดยหลอกให้ทำกิจกรรม ซึ่งต้องโอนเงินเข้าเพื่อให้ระบบนำไปหมุนเวียนสต็อกสินค้า ซึ่งในเว็ปไซต์ที่คนร้ายส่งให้ผู้เสียหาย มีเงินจากการทำกิจกรรมเข้ามาในระบบจริง ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อ และได้ลงทุนเพิ่ม ภายหลังเมื่อต้องการถอนเงิน คนร้ายอ้างว่า เหตุผล / สร้างเงื่อนไขต่างๆ ให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าระบบเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถเบิกถอนเงินออกจากระบบได้ ผู้เสียหายเชื่อว่าถูกหลอกลวง มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 2.9 ล้านบาท
จากการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน สามารถออกหมายจับผู้ต้องหา ได้รวมทั้งสิ้น 34 ราย โดยแบ่งเป็นชาวจีน 10 ราย และชาวไทย 24 ราย โดยเป็นกลุ่มขบวนการ มีการแบ่งหน้าที่กันทำ ตั้งแต่ระดับนายทุน สั่งการ, ฟอกเงิน, รับผลประโยชน์, กลุ่มบัญชีม้า, นายหน้าจัดหาบัญชีม้า, ผู้ดูแลคอกม้า/ควบคุมการเบิกถอนเงินสด หรือการโอนเงินต่างๆ โดยแบ่งการปฏิบัติการเป็น 2 ห้วง คือ ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 8 เม.ย.68 และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 7 พ.ค.68 สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้รวมทั้งสิ้น 28 ราย พร้อมตรวจยึดของกลางและทรัพย์สินต่างๆ อาทิเช่น คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก 12 เครื่อง, โทรศัพท์มือถือ 64 เครื่อง และทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ อีกจำนวนหลายรายการ รวมมูลค่ากว่า 6 ล้านบาท นำส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากนั้นได้สืบสวนขยายผลจนทราบเพิ่มเติมว่า MR.DAQIANG (นายต้าเฉียง) ผู้ต้องหาตามหมายจับนี้เป็นเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นผู้ฟอกเงินในประเทศไทย โดยมีหน้าที่ได้การแลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิทัล (USDT) เป็นเงินบาท และเงินหยวน เพื่อโอนต่อให้เครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายอื่นๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายจับ MR.DAQIANG (นายต้าเฉียง) ต่อศาล
ต่อมา เมื่อวันที่ 12 พ.ย.68 เวลาประมาณ 12.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. และเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ด่าน ตม.ทอ.ดอนเมือง บก.ตม.2 ได้สืบสวนจนทราบว่า MR.DAQIANG (นายต้าเฉียง) กำลังจะหลบหนีเดินทางออกนอกประเทศไทย จึงได้ร่วมกันวางแผนจับกุมผู้ต้องหา จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ที่บริเวณท่าอากาศยานดอนเมือง แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กรุงเทพ และได้ตรวจยึดของกลาง ทรัพย์สินต่างๆ อาทิเช่น โทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง, บัตรเอทีเอ็ม/บัตรเครดิต จำนวน 10 ใบ ซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ 12 อัน , ใบเสร็จการโอนเงิน, สลิปฝาก/ถอนเงินสด อีกหลายรายการ โดย MR.DAQIANG (นายต้าเฉียง) เดินทางเข้าประเทศไทยโดยใช้อีลิท วีซ่า อีกทั้งจากการตรวจสอบโดยละเอียดพบว่า ภายในระยะเวลา 1 ปีครึ่ง MR.DAQIANG (นายต้าเฉียง) มีการรับเงินสกุลดิจิทัล (USDT) มากกว่า 330 ล้านบาท จากนั้นจะนำไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาท และเงินหยวน ผ่านเอ็กเชนจ์แพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อโอนต่อให้เครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายอื่นๆต่อไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่ให้การรับว่า ตนเองเป็นผู้ใช้งานกระเป๋าเงินดิจิทัลจริง ส่วนการรับและแลกเปลี่ยนเงินดังกล่าว อ้างว่าเป็นการทำตามคำสั่งของลูกค้าชาวจีน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากผู้ต้องหาไม่มีหลักฐานมายืนยันตามคำกล่าวอ้างแต่อย่างใด
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอประชาสัมพันธ์เตือนภัยประชาชน ปัจจุบันมิจฉาชีพได้ทำทีเป็นตัวกลางในการรวมกลุ่มผู้ค้าที่อยากจะขายของทางออนไลน์ โดยเริ่มจากติดต่อไปสั่งซื้อสินค้ากับผู้ค้า มีการโอนเงินให้จริงเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ก่อนชักชวนให้เข้ากลุ่มของแอปพลิเคชันไลน์ ที่จะมีหน้าม้าติดต่อซื้อขายของกันในกลุ่มดังกล่าว เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ และทำการโพสต์ขายสินค้าในกลุ่ม ก็จะมีหน้าม้าทักขอซื้อสินค้า แต่ก่อนจะโอนเงินให้ จะมีมิจฉาชีพทำทีเป็นแอดมินทักมาให้ผู้เสียหายลงทะเบียนเพื่อเปิดร้านค้าสำหรับขายของ โดยคิดค่าธรรมเนียม เมื่อผู้เสียหายหลงกลและลงทะเบียนเปิดร้านค้า ทางแอดมินจะเริ่มชักชวนให้ทำภารกิจ และให้โอนเงินในจำนวนที่มากขึ้น โดยสร้างแพลตฟอร์มปลอมขึ้นมา พร้อมสร้างตัวเลขที่อ้างว่าเป็นรายได้เข้ามาในระบบ จึงยิ่งทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ โอนเงินร่วมทำภารกิจอยู่อย่างต่อเนื่อง กว่าจะรู้ตัวว่าถูกหลอก ก็เสียเงินตั้งแต่หลักหมื่น ถึง หลักล้านแล้ว








