แม่ร้อง “เป็นหนึ่ง” ลูกสาว 11 ขวบถูกกลุ่มวัยรุ่นชาวเมียนมาร์ทำร้าย! หวั่นความปลอดภัยหลังถูกคุกคามซ้ำ วอนหน่วยงานเร่งตรวจสอบ
นางสาวสุนิสา ไทรนนทรี ผู้เป็นแม่ วัย 36 ปี ได้ร้องทุกข์มายัง นางสาวชลิดา พะละมาตย์ หรือ “ต้นอ้อ” ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง หลังลูกสาววัย 11 ขวบ ซึ่งเป็นเด็กพิเศษ ถูกกลุ่มวัยรุ่นชาวเมียนมาร์ อายุประมาณ 15-16 ปี จำนวน 4-5 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกของแรงงานต่างด้าวชาวพม่า รุมทำร้ายร่างกายบริเวณท้ายซอยบ้านพัก ซอยพัฒนาการ 20 จนได้รับบาดเจ็บ โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2568 และวันที่ 2 พฤศจิกายน 2568
นางสุนิสา เปิดเผยว่า ลูกสาวของตนถูกกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวรุมทำร้ายร่างกายบริเวณท้ายซอยบ้าน แต่ในวันแรกที่เกิดเหตุ (28 ต.ค.) ลูกไม่กล้าบอก จนกระทั่งวันที่ 2 พฤศจิกายน ลูกสาวถูกเพื่อนหิ้วปีกมาส่งที่บ้าน ตนจึงพยายามสอบถามจนลูกยอมเล่าให้ฟัง โดยเพื่อนคู่กรณีได้กระซิบขู่ข้างหูว่า “มึงอย่าบอกแม่มึงนะ ถ้ามึงบอกจะถูกทำร้ายหนักกว่านี้” ทำให้ตนรู้สึกตกใจมาก
หลังจากนั้นลูกสาวมีอาการปวดหูต่อเนื่องถึง 3 วัน ตนจึงตัดสินใจเดินไปที่ท้ายซอยเพื่อสอบถามเด็ก ๆ แต่กลับถูกเพื่อนของลูกที่เป็นคู่กรณีตอบโต้ด้วยความรุนแรงและท้าทายว่า “กรูไม่ได้ทำ และพูดว่าให้ไปลากลูกของตนเองมาถามและจะตบให้ดูต่อหน้าตนเอง” ซึ่งสร้างความตกใจอย่างยิ่งกับพฤติกรรมที่รุนแรงของเด็ก
นางสุนิสา ระบุว่า ตนได้พยายามพูดคุยกับผู้ปกครองของเด็กกลุ่มดังกล่าว (ซึ่งเป็นชาวเมียนมาร์) แต่กลับถูกปฏิเสธอย่างเย็นชาว่า “หากไม่มีหลักฐานก็อย่ามากล่าวหากัน” และไม่มีแม้แต่คำขอโทษหรือการตักเตือนลูกของตนเอง ซ้ำร้ายกว่านั้นคือครอบครัวยังถูกข่มขู่และคุกคามซ้ำ โดยมีการถ่ายรูปหน้าห้องพัก และมีเสียงคนเดินอยู่หลังห้องในช่วงกลางคืน ทำให้ผู้เป็นแม่รู้สึกหวาดกลัวและกังวลเรื่องความปลอดภัยอย่างหนัก เนื่องจากอาศัยอยู่กับลูกสาวเพียงสองคน
ล่าสุด ผู้เป็นแม่ได้ขอกล้องวงจรปิดจากเจ้าของหอพักมาตรวจสอบ และพบว่าหนึ่งในเด็กกลุ่มนั้นเป็นลูกของชายชาวพม่าที่เคยมีประวัติใช้ความรุนแรงอุ้มคนไปทำร้ายร่างกายเมื่อไม่พอใจ ซึ่งยิ่งทำให้ตนเองรู้สึกหวาดกลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะออกจากบ้าน จึงวอนขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือและดำเนินการอย่างจริงจังกับผู้กระทำความรุนแรงต่อลูกสาวซึ่งเป็นเด็กพิเศษ
ล่าสุด วันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 นางสาวชลิดา พะละมาตย์ หรือ ต้นอ้อ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จาก กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กรุงเทพมหานคร และ เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ได้เดินทางมาที่ สน.คลองตัน เพื่อหารือแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คลองตัน ก่อนจะลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ
นางสาวชลิดา เผยว่า รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมองว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องที่ชาวต่างชาติไม่เกรงกลัวกฎหมายและทำร้ายคนไทย ซึ่งจากการสอบถามทราบว่าพ่อของกลุ่มคู่กรณีบางคนมีประวัติเป็นโจ๋ชาวพม่าที่เคยอุ้มคนไปทำร้ายร่างกาย ทำให้ครอบครัวผู้เสียหายรู้สึกไม่ปลอดภัย
เบื้องต้น ได้มีการประสานงานและบูรณาการร่วมกันระหว่าง 4 หน่วยงานหลัก ได้แก่
– มูลนิธิเป็นหนึ่ง
– บ้านพักเด็กและครอบครัว
– กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
– เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.)
– เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คลองตัน
โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจะเร่งดำเนินการ ตรวจสอบใบอนุญาต หรือ วีซ่าและการอยู่ต่อในราชอาณาจักร ของกลุ่มคู่กรณีและผู้ปกครองว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ หากพบว่าไม่ถูกต้องก็จะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป






