จับกุมกลุ่มผู้ต้องหาชักชวนเปิดบัญชีม้า ส่งต่อขบวนการต่างชาติ
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป.
ร่วมกันจับกุม
1.นายวายุภัชรฯ อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 3140/2567 ลง 4 กรกฎาคม 2567
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์โดยลวงว่าเป็นเจ้าพนักงาน และร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน และร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน โดยใช้เบิกถอนเงินสด, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน”
2.น.ส.สุรีวรรณฯ อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดรัตนบุรีที่ 108/2567
ลง 27 สิงหาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ยักยอกทรัพย์ (รถจักรยานยนต์)”
3.นายวัชรภูมิฯ อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดศรีสะเกษที่ จ762/2568 ลง 17 ก.ย.68
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง หรือร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใด และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตนโดยมิได้เจตนาได้เพื่อตนหรือกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญกรรมเทคโนโลยี หรือความผิดอาญาอื่นใด”
สถานที่จับกุม หอพักในพื้นที่ ต.สามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี
ของกลางที่ตรวจยึด
1.โทรศัพท์มือถือ จำนวน 12 เครื่อง
2.ไอแพด จำนวน 2 เครื่อง
3.สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 8 เล่ม
4.บัตรกดเงินสด จำนวน 4 เล่ม
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเร่งดำเนินการติดตามเครือข่ายผู้ชักชวนเปิดบัญชีม้า
อย่างเร่งด่วน จนตรวจสอบพบผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์ข้อความเชิญชวนให้ประชาชนเปิดบัญชีธนาคารเพื่อแลกรับผลตอบแทน ซึ่งเข้าข่ายการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
และมีลักษณะเป็นขบวนการเปิดบัญชีม้าเพื่อใช้เป็นช่องทางหมุนเวียนเงินในกิจกรรมผิดกฎหมาย
จากการสืบสวนขยายผลพบว่า เจ้าของบัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าวคือ น.ส.สุรีวรรณฯ อายุ 26 ปี และนายวายุภัชรฯ อายุ 25 ปี, นายวัชรภูมิฯ อายุ 23 ปี ทั้งสามมีพฤติการณ์ชักชวนบุคคลทั่วไปให้เปิดบัญชีธนาคารเพื่อนำส่งต่อให้ขบวนการต่างชาติใช้งาน โดยจะทำหน้าที่เป็น “ตัวกลาง” หรือ “นายหน้า” ระหว่างผู้ขายบัญชีกับเครือข่ายต่างประเทศ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการอำพรางเส้นทางการเงินของขบวนการหลอกลวงออนไลน์ เมื่อทราบว่าทั้งสองหลบหนีไปเปิดห้องพักในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี เจ้าหน้าที่จึงวางแผนสะกดรอยจนสามารถจับกุมตัวไว้ได้ จากนั้น เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยนายวายุภัชรฯ ให้การรับสารภาพว่า ได้เริ่มเข้ามาเกี่ยวข้องกับการค้าขายบัญชีม้าประมาณ 3 เดือนก่อน โดยเริ่มจากการค้นหางาน ในเฟซบุ๊กและพบกลุ่มที่รับซื้อบัญชีธนาคาร ก่อนจะถูกชักชวนให้จัดหาบัญชีของบุคคลอื่นมาขายแทนจึงยอมเข้าร่วมและถูกเชิญเข้ากลุ่มแชท Telegram ซึ่งมีชายชาวจีนเป็นหัวหน้ากลุ่มและมีหญิงไทยทำหน้าที่เป็นล่ามประสานงาน จากนั้นได้สร้างบัญชีเฟซบุ๊ก เพื่อโพสต์รับซื้อบัญชีธนาคารและหลอกล่อประชาชนในพื้นที่ต่างจังหวัดให้มอบสมุดบัญชี บัตร ATM และซิมมือถือ โดยอ้างว่าจะนำไปใช้ทำธุรกิจออนไลน์ ผู้ต้องหายังให้การเพิ่มเติมว่า การทำงานแบ่งเป็นสองลักษณะ หากผู้ขายมีบัญชีอยู่แล้วจะนำซิม ของผู้ขายมาใส่ในโทรศัพท์มือสองที่สั่งซื้อจากแอปฯ TikTok แล้วลงทะเบียนแอปฯ ธนาคารใหม่ให้ใช้งานได้ จากนั้นจ่ายค่าตอบแทนให้ 5,000–6,000 บาท แต่หากผู้ขายยังไม่มีบัญชีจะพาไปเปิดบัญชีใหม่พร้อมซิมโทรศัพท์ ก่อนดำเนินขั้นตอนเช่นเดียวกัน เมื่อได้บัญชีที่พร้อมใช้งานแล้วจะจัดส่งสมุดบัญชี บัตร ATM ซิม และโทรศัพท์มือถือให้ผู้รับซื้อซึ่งอยู่ต่างประเทศผ่านเครือข่ายขนส่ง โดยใช้เวลาประมาณ 5–7 วัน จากนั้นจะได้รับเงินตอบแทนประมาณ 10,000 บาทต่อบัญชี







