ทนายอั๋นเข้ามอบกระเช้ากับผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย แสดงถึงมุทิตา
วันที่ 30/10/2568 เวลา 14.00น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ ถนนรองเมือง รองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานครฯ. จากกรณี ทนายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ “ทนายอั๋น บุรีรัมย์” ได้ร้องต่อผู้ว่าการรถไฟฯ กรณีที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ โดยเรียกร้องให้การรถไฟฯ ดำเนินการฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากผู้ที่อยู่อาศัยในพื้นที่ ซึ่งก่อนหน้านี้ทนายอั๋นได้เคยยื่นหนังสือร้องเรียนเรื่องนี้ไปแล้ว การฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากผู้ที่อาศัยอยู่ในที่ดินที่การรถไฟฯ เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในบริเวณเขากระโดง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ทนายอั๋นต้องการให้การรถไฟฯ ดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่อยู่และอาศัยในพื้นที่ดังกล่าว ทนายอั๋นได้เดินทางไปยังการรถไฟฯ เพื่อติดตามเรื่องดังกล่าว และเคยยื่นหนังสือร้องเรียนไปก่อนหน้านี้แล้ว และวันนี้ ทนายอั๋นได้เข้าพบกับผู้ว่าการรถไฟเพื่อที่จะมอบกระเช้า แต่ท่านไม่อยู่แล้วเลยส่งต่อให้กับฝ่ายกฎหมายของการรถไฟส่งมอบแทน
ทนายอั๋นได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า วันนี้มามอบกระเช้าเพื่อเป็นสัญลักษณ์ 2 อย่างหนึ่งก็คือเป็นเรื่องของการแสดงมุทิตาจิตถึงความกล้าหาญของผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยก่อนที่ท่านจะเซ็นใบลาออก ก่อนคบวาระท่านได้ทำในสิ่ง ที่ผมเรียกร้องมาโดยตลอด จัดว่าจะต้องทำอย่างนั้นนั่นคือการเซ็นใบแต่งตั้งทนายความมอบอำนาจให้ทนายความไปฟ้องเอาที่ดินของการรถไฟคืนที่ไข่แดงบริเวณไข่แดงเขากระโดงผมเรียกร้องมา 3 ปีวันนี้จัดหนักจัดเต็มทุกพื้นที่ในเขากระโดงไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัยของคู่ควรที่เป็นตระกูลดังในบุรีรัมย์ไม่ว่าจะเป็นภาคส่วนธุรกิจปั๊มน้ำมงน้ำมันอะไรไปหมดไม่ว่าจะไปโรงแรมด้วยดังนั้นก็เป็นไปตามเป้าหรือวัตถุประสงค์ของผมและของคนไทยอีกหลายๆคนควรจะทำอย่างนั้น เหตุผลว่าทำไมผมเรียกร้องให้การรถไฟลุกขึ้นไปฟ้องที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์เองเนี่ยนะครับด้วยว่าจุดประสงค์เหตุผลหลักใหญ่ใจความคือไม่ว่าการเมืองจะเปลี่ยนไปอย่างไรไม่ว่าทิศทางใครจะมาเป็นรัฐบาลอย่างไรเนี่ยเอาเข้าสู่กระบวนการระบบของศาลยุติธรรมการเมืองเปลี่ยนแปลงกระบวนการศาลยุติธรรมของไทยไม่ได้ผมเชื่ออย่างนั้นและเมื่อเข้าสู่กระบวนการแล้วอ่านะครับก็เป็นเรื่องที่ว่ากันตามกระบวนการยุติธรรมใครจะมาใครจะไปก็ไม่มีอะไรก็ทราบมาว่าจัดหนักจัดเต็มนะครับนี่คือเหตุผลแรกก็นำกระเช้ามาแจ้งความขอบคุณและผมมาประกาศถึงชัยชนะของพี่น้องประชาชนและสิ่งที่ผมเรียกร้องมาตลอดเวลา 3-4 ปีที่ผ่านมาก็สำเร็จไปมากกว่าครึ่งก็เชื่อว่ากระบวนการยุติธรรมของไทยมีบรรทัดฐานที่ตัดสินคดีเรื่องนี้ไว้แล้วและเชื่อว่าการรถไฟจะได้คืนที่ดินบริเวณเขากระโดงหลังศาลจับพิพากษาเชื่อว่าใช้เวลาไม่นาน และอยากฝากบอกกับท่านผู้ว่าที่ลาออกไปนั้นท่านเป็นคนที่กล้าหาญแล้วก็ทำในสิ่งที่ชอบแล้วถูกแล้วซึ่งเป็นไปตามที่ผมเห็นเรียกร้องมาโดยตลอดนะครับก็ต้องขอบคุณแทนคนไทยด้วย




