วันนี้ 23 กย 68 เวลา 14.00 น. พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล ได้เดินทางไปที่ศาลปกครอง เพื่อยื่นเอกสารถึงประธานศาลปกครองสูงสุด กรณีกระบวนการแทรกแซงคดี โดยระบุว่า มายื่นให้ครบองค์ประกอบ ก่อนที่จะรวบรวมทั้งหมด ยื่นต่อศาลอาญาทุจริตภาค 1
พลตำรใจเอกสุรเชษผฐ์ กล่าวว่า พอจับได้ว่า ตุลาการศาลปกครองสูงสุดท่านหนึ่ง (อนุวัฒน์) เป็นเพื่อนผู้ที่ถูกฟ้องคดี ประธานศาลปกครองสูงสุด ก็ยังไปมอบให้ประธานแผนกคนใหม่อีกคน ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท ของประธานศาลปกครองสูงสุด อีกคนคือ ท่านสิริกาญจน์ มาทำหน้าที่
“ท่านสิริกาญจน์ ก็มาพูดอีกว่า ฉันเกลียดไอ้โจ๊กมัน ผมจึงสงสัยว่า ท่านประธานศาลปกครองสูงสุด โกรธผมรึเปล่า เรื่องฝากตํารวจย้ายกับผมเมื่อ 3 ปีที่แล้ว แต่ผมไม่ได้ทําให้“
พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ยังเรียกร้องให้หยุดกระทําอย่างไม่เป็นธรรมกับผม และย้ำว่า ความเห็นของท่านสิริกาญจน์ ที่มีความเห็นในทางคดีแล้ว ถือว่า เป็นความเห็นที่ผิดกฎหมายขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพราะว่า เป็นความเห็นที่มีอคติกับไม่สามารถ นํามาใช้ในการประกอบการพิจารณาคดีได้
“ผมก็ต้องกราบเรียนว่าถ้าท่านจะเอาเข้าองค์คณะใหญ่ท่านทําได้ แต่ท่านต้องไม่เลือกปฏิบัติ”
พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ กล่าวอรฝีกว่า ศาลปกครอง มีคดีตํารวจเยอะ เหตุใดท่านไม่เอาเข้าองค์คณะใหญ่ ทําไม เรื่องของตนเองขอคุ้มครองชั่วคราว และศาลปกครอง มีมติ 5 ต่อ 0 ว่าคําสั่งไม่ชอบ ให้คุ้มครองชั่วคราว แต่กลับเอาเข้าองค์คณะใหญ่ และกลับมติ ทําไมถึงไม่ทําเหมือน ของ ท่านเสรี ท่านสุวิระ บ้าง
“วันนี้นะครับผมจะทําเรื่องนี้ให้เป็นตัวอย่างกับประชาชนคนไทยได้เห็น กระบวนการพิจารณาของของท่าน ที่ท่านบอกว่าอย่าไปแทรกแซงกระบวนการพิจารณา ผมไม่ได้ไปแทรกแซงนะครับ เพียงแต่ผมมาเปิดเผยความจริงเรื่องการแทรกแซงองค์คณะให้ประชาชนคนไทยทั้งประเทศเห็น“
ฉะนั้นวันนี้ ตนเองมายื่นหนังสือประเด็นเหล่านี้ เพื่อจะให้ครบองค์ประกอบที่จะนําเอกสารเหล่านี้ ไปยื่นต่อศาลอาญาทุจริต วันนี้ต้องเอาเรื่องหลักความยุติธรรมต่อไปนี้จะต้องไม่ทําอย่างงี้กับใครอีก
” ผมยังเชื่อมั่นต่อศาล ปกครอง แต่ผมไม่เชื่อมั่น ต่อการดําเนินการของคนบางคน ท่านมอบท่านสิริกาญจน์มา ก็เป็นเพื่อนของท่าน และยังมาพูดอีกว่า“ฉันเกลียดโจ๊ก” ฉะนั้นผมยืนยันว่าผมไม่ได้แทรกแซงคดีไม่ได้ละเมิดอํานาจศาล ผมมาเปิดเผยความจริงให้สาธารณชน เพราะเรื่องนี้เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน กฎหมายคุ้มครองนะครับ” ส่วนกรณี ป.ป.ช. ตั้งกรรมการไต่สวน พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตนมีกรณีกับท่านประธาน ปปช. แลเข้าใจได้ว่า เรื่องของตนมีการดําเนินการบางอย่างไม่เป็นไปตามกระบวนการ เช่นเรื่องที่ ป ป ช. มีการยุติตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ก็ไม่นําเข้าคณะใหญ่ ดองเอาไว้ แล้ววันนี้พยายามที่จะไปบีบเจ้าหน้าที่ เพื่อจะให้ส่งเรื่องกลับไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตนรู้หมด ว่าใครทําอะไรนะ
“ผมถามว่า ไปตั้งไต่สวนเจ้าหน้าที่ทําไม เจ้าหน้าที่เค้าผิดเรื่องอะไร เค้ารับเงินผมเหรอ เค้าไปวิ่งเต้นได้เหรอ ผมไม่เคยรู้จักเค้า อย่าลืมนะครับว่าเรื่องของผมเนี่ยะ เป็นมติของคณะกรรมการ ปปช. สมัยท่าน ประธาน วัชรพล ท่านเอาเรื่องผม คืนจากสํานักงานตำรวจแห่งชาติ กลับไปยัง ปปช. แต่พอวันนี้เปลี่ยน ประธาน ปปช. จะมาตั้งไต่สวนเจ้าหน้าที่ว่าเจ้าหน้าที่กระทํามิชอบ ทำอย่างนี้ถูกไหมครับ ไปไล่ดูละกันว่าใครทําผิดทําถูกนะครับ ต้องเรียนว่าไม่ใช่ว่ามีอํานาจแล้วจะทําอะไรตามใจได้นะ”
สื่อมวลชลถามว่า งานนี้จะเอาคืนหรือไม่ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ บอกว่า ไม่ได้ไปเอาคืนใคร ใครผิดมันมีกระบวนการลงโทษอยู่แล้วไม่ต้องไปเอาคืนใครหรอก ทุกอย่างมันมาจากเอกสารและพยาน