วันจันทร์, สิงหาคม 25, 2025
หน้าแรกทั่วไปกมธ.การทหารฯ ประชุมหารือการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคง ณ กอ.รมน.เขตดุสิต กรุงเทพฯ

กมธ.การทหารฯ ประชุมหารือการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคง ณ กอ.รมน.เขตดุสิต กรุงเทพฯ

กดที่นี่เพื่ออ่านข่าว

กมธ.การทหารฯ ประชุมหารือการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคง ณ กอ.รมน.เขตดุสิต กรุงเทพฯ

วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 เวลา 09.00-12.00 นาฬิกา คณะกรรมาธิการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา เดินทางไปศึกษาดูงานกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร นำโดย นายสมบูรณ์ หนูนวล รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง ว่าที่พันตรี กรพด รุ่งหิรัญวัฒน์ รองประธาน คนที่สาม นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล เลขานุการและโฆษก นางสาวนวลนิจ หงส์วิวัฒน์ รองเลขานุการ ผู้ช่วยศาสตราจารย์นิฟาริด ระเด่นอาหมัด ประธานที่ปรึกษา นางสาววิธาวีร์ ประทุมสวัสดิ์กรรมาธิการ พร้อมด้วยที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ นักวิชาการ เลขานุการ และคณะอนุกรรมาธิการกิจการทหารด้านความมั่นคงแบบองค์รวม ซึ่งได้รับการต้อนรับจากพลเอก ธงชัย รอดย้อย เลขาธิการ กอ.รมน. กับคณะผู้บริหาร กอ.รมน. รวมถึงที่ปรึกษากระทรวงมหาดไทยด้านความั่นคง และผู้แทนจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ ร่วมประชุมหารือเกี่ยวกับผลการบังคับใช้และแนวทางการแก้ไขกฎหมายความั่นคง ดังนี้


1. ผลการดำเนินงานของ กอ.รมน.ตามพระราชบัญญัติรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 ของ กอ.รมน.ในปัจจุบันมีตัวชี้วัดเพื่อสะท้อนถึงผลสัมฤทธิ์ของงานที่สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลทั้งปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัญหาการแก้ไขยาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมและปัญหาที่ส่งผลต่อความสงบเรียบร้อยของสังคมอันกระทบกับความมั่นคงของชาติ นอกจากนี้ กอ.รมน.ได้มีการมอบหมายให้มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการปรับปรุงแก้กฎหมายหรือโครงสร้างเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อภารกิจการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการมีข้อสังเกตว่า กอ.รมน.ถือว่าเป็นองค์กรด้านอำนวยการและประสานงานอย่างบูรณาการของทุกหน่วยงานความมั่นคงให้ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาความมั่นคงได้อย่างมีประสิทธิภาพจึงควรปรับเฉพาะบางเรื่องที่ยังเห็นว่ามีข้อจำกัดหรือไม่สอดคล้องกับภารกิจตามกฎหมาย
2. ผลการดำเนินงานของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติตามพระราชบัญญัติสภาความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ. 2559 ที่เป็นองค์กรหลักด้านความมั่นคงในการกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์ รวมถึงวางแผนระดับชาติ ประเมินภัยคุกคามเพื่อให้การแก้ไข การป้องกัน การปราบปรามภัยด้านความมั่นคงต่าง ๆ ของหน่วยปฏิบัตินำไปดำเนินการในทิศทางที่สอดรับกันกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยแห่งชาติ เช่น พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 พระราชบัญญัติการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พ.ศ. 2562 พระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้พ.ศ. 2553 เป็นต้น ตลอดจนการดำเนินให้หน่วยงานของรัฐฝ่ายความมั่นคงขับเคลื่อนนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ แผนบูรณาการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง แผนปฏิบัติการด้านการธำรงรักษาสถาบันหลักของชาติ แผนความมั่นคงแห่งชาติทางทะเล แผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมการอยู่ร่วมกันภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรมในประเทศไทย แผนการสนับสนุนการศึกษาของนักเรียนและนักศึกษาไทยมุสลิมที่ศึกษาต่อในต่างประเทศ แผนปฏิบัติการด้านบริหารจัดการชายแดนด้านความมั่นคง นโยบายการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ แผนเตรียมพร้อมแห่งชาติและแผนบริหารวิกฤตการณ์
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการมีข้อสังเกตว่า สมช. ถือว่าเป็นองค์กรหลักด้านความมั่นคงของประเทศในการทำหน้าที่กำหนดทิศทางนโยบาย เสนอแนะยุทธศาสตร์ แนวทางและมาตรการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาความมั่นคง การจัดทำนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ การติดตาม ประเมิน วิเคราะห์ และแจ้งเตือนสถานการณ์ที่เป็นภัยคุกคามในเชิงยุทธศาสตร์เพื่อให้ทุกกระทรวงและหน่วยงานของรัฐด้านความมั่นคงไปปฏิบัติให้เกิดผลสำเร็จความมั่นคงของประเทศ จึงควรพิจารณาแนวทางพัฒนาระบบกลไกโครงสร้างงานความมั่นคงที่เป็นอยู่ในปัจจุบันทั้งกฎหมายและโครงสร้าง ซึ่งเป็นข้อจำกัดในการแก้ไขปัญหาความมั่นคงในปัจจุบันที่จัดแบ่งเป็นหน่วยงานในระดับนโยบาย หน่วยงานระดับอำนวยการประสานงาน และหน่วยปฏิบัติที่หลายหน่วยงานกับหลายภารกิจที่ยังมีความทับซ้อนกันทั้งบทบาทหน้าที่บุคลากร กฎหมาย งบประมาณและเครื่องมือปฏิบัติงาน สมช.อาจพิจารณาภาพรวมเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันและในอนาคตเพื่อสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนที่เปิดกว้างสู่สาธารณะและรองรับภัยคุกคามความมั่นคงได้อย่างรอบด้าน
3.กระทรวงมหาดไทยได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับภารกิจ อำนาจ และหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความมั่นคงภายในในการบังคับใช้พระราชบัญญัติการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2540 กับการบริหารจัดการการรักษาความมั่นคงภายในร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องและปัญหาข้อขัดข้องในการปฏิบัติงานการรักษาความมั่นคงภายในและข้อเสนอการแก้ไขปัญหา ซึ่งกระทรวงมหาดไทยมีอาสารักษาดินแดน (อส.) ตามพระราชบัญญัติกองอาสารักษาดินแดน พ.ศ. 2497 ประมาณ 27,000 คน และประมาณร้อยละ 40 อยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) กล่าวคือประชาชนหรือราษฎรอาสาสมัครในพื้นที่ที่ผ่านการฝึกอบรมและรักษาความสงบเรียบร้อยภายในหมู่บ้าน โดยได้รับการแต่งตั้งจากนายอำเภอให้ปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน และให้เป็นผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะปกครองท้องที่ปัจจุบันมีประมาณ 670,000 คน เป็นผู้ที่ช่วยเหลือกระทรวงและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในพื้นที่เป็นกลไกสำคัญของการรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยภายในพื้นที่นั้น
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการมีข้อสังเกตว่า กระทรวงมหาดไทยควรผลักดันและขับเคลื่อนโครงการที่ครอบคลุมการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงภายในเพื่อส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชนในระดับพื้นที่หรือการปกครองท้องที่ที่มีอาสารักษาดินแดน (อส.) และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) เป็นกลไกสำคัญอย่างเข็มแข็ง รวมถึงขอให้เข้าไปตรวจสอบการดำเนินงานและการบริหารจัดการ อส.และชรบ.ให้มีความโปร่งใสเพื่อป้องกันไม่ให้ อส.และชรบ.ถูกเจ้าหน้าที่ที่ไม่สุจริตเอาเปรียบหรือกระทำการที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดด้วย

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการจะนำข้อมูลข้อเท็จจริงที่ได้รับไปจาก กอ.รมน. สมช. และมท. ไปพิจารณาดำเนินการและสนับสนุนภายใต้กรอบบทบาท หน้าที่และอำนาจของคณะกรรมาธการการทหารและความมั่นคงของรัฐตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายต่อไป

Ad 1
Ad 2