วันพฤหัสบดี, สิงหาคม 21, 2025
หน้าแรกอาชญากรรมรวบโอปป้าแดนโสม ขับรถซ่อนเครื่อง FBS ตระเวนส่ง SMS ปลอมกลางกรุง

รวบโอปป้าแดนโสม ขับรถซ่อนเครื่อง FBS ตระเวนส่ง SMS ปลอมกลางกรุง

กดที่นี่เพื่ออ่านข่าว

รวบโอปป้าแดนโสม ขับรถซ่อนเครื่อง FBS ตระเวนส่ง SMS ปลอมกลางกรุง

วันที่ 20 ส.ค.68 ที่บก.สอท.2 พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ
ผบช.สอท., พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1, ร่วมกับ คุณวิสิษฐศักดิ์ เจริญไชย ผู้จัดการงานองค์กรสัมพันธ์ AIS แถลงข่าว รวบโอปป้าแดนโสม ขับรถซ่อนเครื่อง FBS ตระเวนส่ง SMS ปลอมกลางกรุง

พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ กล่าวว่าสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 และ 16 ส.ค.68 บช.สอท. ร่วมกับ AIS แถลงข่าวกรณีจับกุมผู้ต้องหาชาวไทย ได้ขับรถยนต์ที่ติดตั้งเครื่องจำลองสถานีฐาน (False Base Station) เพื่อตระเวนส่งสัญญาณ SMS ปลอมแนบลิงก์ที่เข้าสู่เว็บไซต์ปลอม เพื่อหลอกประชาชนที่หลงเชื่อให้สูญเสียทรัพย์สิน โดยครั้งแรกจับกุมได้บริเวณปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งย่าน ถ.สิรินธร แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กทม. และ ครั้งที่ 2 จับกุมได้บริเวณย่านถนนข้าวสาร ซึ่งทั้ง 2 กรณี ผู้ต้องหาอ้างว่าได้รับการว่าจ้างจากนายทุนชาวจีน

ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.1 นำโดย พ.ต.ท.ชูเกียรติ ชาตะรูปะ สว.กก.2 บก.สอท.1 ได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดร่วมกันสืบสวนร่วมกับทีมวิศวกรจาก AIS กระทั่งพบการก่อเหตุอีกครั้ง โดยคนร้ายได้ขับรถยนต์ที่ติดตั้งอุปกรณ์กระจายสัญญาณไปตามพื้นที่ต่างๆ ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะบริเวณที่มีผุ้คนพลุกพล่าน จึงกระจายกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบ โดยวางกำลังค้นหาคนร้ายที่ก่อเหตุรอบพื้นที่ กทม. โดยเฉพาะถนนเส้นหลักและย่านชุมชน

กระทั่งวันที่ 19 ส.ค.68 เวลาประมาณ 11.00 น. ได้พบรถยนต์ต้องสงสัย ยี่ห้อ Toyota รุ่น Yaris A Tive สีขาว
โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบสัญญาณคลื่นความถี่ที่ผิดปกติ เคลื่อนที่ไปพร้อมรถยนต์คันดังกล่าว จึงได้สะกดรอยติดตาม ผ่านแยกเอกมัย เข้าถนนเพชรบุรีตัดใหม่ มุ่งหน้าถนนอโศก – ดินแดง แยกประชาสงเคราะห์ และอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยระหว่างขับรถติดตามเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสะกดรอย ต่างก็ได้รับข้อความ SMS ที่แนบลิงก์เข้าสู่เว็บไซต์ปลอมเข้ามาในโทรศัพท์มือถือ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามคนร้ายมาถึงบริเวณริมถนนอโศก – ดินแดง (แยกประชาสงเคราะห์ มุ่งหน้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ) แขวงดินแดง เขตดินแดง กทม. จึงสบโอกาศและได้แสดงตัวเข้าสกัดรถยนต์คันดังกล่าวเพื่อทำการเข้าตรวจค้น จากการตรวจค้นพบว่า ผู้ขับขี่คือ MR.DOHYONG KIM อายุ 35 ปี สัญชาติ เกาหลีใต้ เดินทางมาเพียงลำพัง

จากการตรวจสอบร่วมกับวิศวกรของ AIS พบว่า อุปกรณ์ที่ติดตั้งมาในรถยนต์เป็นเครื่องจำลองสถานีฐาน (False base station) กำลังทำงานอยู่ เป็นอุปกรณ์เครื่องวิทยุโทรคมนาคมที่ดัดแปลงการส่งสัญญาณในคลื่นความถี่ต่างๆ เพื่อส่งเข้าโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในรัศมี และมีการเชื่อมต่อกับเครื่องจ่ายไฟเคลื่อนที่ (Power Station) พร้อมอุปกรณ์กระจายสัญญาณจำนวน 1 กล่อง และโทรศัพท์มือถือจำนวน 3 เครื่อง ซึ่งระหว่างการตรวจค้นนั้น ก็ยังมี SMS แนบลิงก์เข้าสู่เว็บไซต์ปลอมเข้ามาในกล่องข้อความโทรศัพท์มือถือของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างต่อเนื่อง

จากตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือของ MR.DOHYONG KIM พบข้อความการสนทนาระหว่างผู้ต้องหากับผู้สั่งการผ่านทางแอปพลิเคชัน Telegram ซึ่งเจ้าตัวเองยอมรับว่า ตนได้รับการติดต่อจากชาวจีนรายหนึ่ง ไม่ทราบชื่อสกุลจริง ผ่านแอป Telegram โดยจ้างให้ตนนำอุปกรณ์ดังกล่าวไปขับรถตระเวนส่ง SMS ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร บริเวณที่มีผู้คนพลุกพล่าน โดยที่ผู้ว่าจ้างจะเป็นผู้กำหนดเส้นทางในการขับขี่ให้ในแต่ละวัน เมื่อขับขี่ไปยังจุดต่างๆตามที่กำหนดแล้ว ก็จะรายงานให้ผู้ว่าจ้างทราบทุกๆ 30 นาที ส่วนรถยนต์คันที่ใช้ก่อเหตุ เป็นรถเช่า ที่นายจ้างชาวจีนโอนเงินมาให้เพื่อนำไปจ่ายค่าเช่ารถ ตนเองเคยทำมาแล้ว 3 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค. -19 ส.ค.68 ได้ค่าจ้างวันละ 100,000 วอน (ประมาณ 2,339 บาท) แต่ครั้งแรกที่ทำนี้ได้รับเงินเป็นรายสัปดาห์ รวมจำนวน 550 US (ประมาณ 17, 869 บาท) จึงแจ้งข้อหา 1. ร่วมกัน ทำ มี ใช้ นำเข้า นำออก หรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออก ใบอนุญาต ตามมาตรา 6 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498
2. ร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตตามมาตรา 11
พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498
3. ร่วมกันใช้คลื่นความถี่ในการประกอบกิจการโทรคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาตอันมีลักษณะที่เป็นการประกอบกิจการ
โทรคมนาคมแบบที่สาม ตามมาตรา 67 (3) ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม
4. ร่วมกันพยายามฉ้อโกงประชาชนฯ ตาม ป.อาญา มาตรา 343, ร่วมกันกระทำโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ พ.ศ.2560 มาตรา 14 (1)
5. ร่วมกันดักรับไว้ ใช้ประโยชน์ หรือเปิดเผยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งข่าววิทยุคมนาคมที่มิได้มุ่งหมายเพื่อประโยชน์ สาธารณะ หรือที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติหรือประชาชน ตามมาตรา 17 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
6. ร่วมกันกระทำความผิดฐาน อั้งยี่ ตาม ป.อาญา มาตรา 209”

โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลไปยังบอสชาวจีนรายดังกล่าว และหาความเชื่อมโยงไปยังกลุ่มผู้ก่อเหตุที่เคยจับได้ก่อนหน้านี้ ว่าเป็นขบวนการเดียว มีบอสชาวจีนคนเดียวกันหรือไม่ เพื่อเร่งรวบรวมพยานดำเนินคดีชาวต่างชาติรวมทั้งผู้ร่วมขบวนการชาวไทยที่เกี่ยวข้องต่อไป

Ad 1
Ad 2