ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) บุกรวบมารศาสนาตระเวนลักตู้บริจาคหลายวัด
รับนำเงินไปชื้อยาบ้าเสพ
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ภายใต้
การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์รอง ผบช.ก.,
พล.ต.ต.ทรงกลด เกริกกฤตยา ผบก.ปคม., พ.ต.อ.กรีธา ตันคณารัตน์, พ.ต.อ.จตุรภัทร์ ภิรมย์แก้ว,
พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์ พ.ต.อ.มารุต กาญจนขันธกุล ,พ.ต.อ.เศรษฐณัณข์ ปิยะสมบูรณ์,
พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส รอง ผบก.ปคม. พ.ต.อ พงศกร โนรี ประจำ(สบ5) บก.ปคม.,
พ.ต.อ.รัชภูมิ กุสุมาลย์ รอง ผบก.ปคม. พ.ต.อ.อลงกต คชแก้ว ผกก.5 บก.ปคม. ,พ.ต.ท.อาทิตย์ พุ่มทอง, พ.ต.ท.เกริก เสนาะสำเนียง รอง ผกก.5 บก.ปคม.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.นัฐพล ดาวเวียง สว.กก.5 บก.ปคม., ร.ต.ต.สมบูรณ์ กูลระวัง รอง สว.(ป) กก.5 บก.ปคม. และ ด.ต.วีระนันท์ พัดคง ผบ.หมู่ กก.5 บก.ปคม.
ร่วมกันจับกุม นายสุทิวัสฯ อายุ 20 ปี ฐานความผิด
1. ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน” ร่วมกันลักทรัพย์ในสถานที่บูชาสาธารณะโดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม” ตามหมายจับศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ 828/2568 ลงวันที่ 23 กรกฎาคม 2568
2. ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน” ร่วมกัน ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนในสถานที่บูชาสาธารณะ
โดยใช้ ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม
หรือรับของ โจร” ตามหมายจับศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ จ 413/2568 ลงวันที่ 17 กรกฎาคม 2568
3. ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน” ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่
การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือรับของโจร” ตามหมายจับศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ 360/2568 ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2568
สถานที่จับกุม ริมถนน ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากช่วงประมาณต้นเดือนพฤษภาคม 2568 ได้มีพระสงฆ์ที่ดูแลครอบครองศูนย์ปฏิบัติธรรม ตำบลไทยบุรี อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มาพบพนักงานสอบสวน สภ.ท่าศาลา เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดี กับผู้ต้องหา ในข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในสถานที่บูชาสาธารณะฯ” ช่วงเวลากลางคืนของวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 ผู้เสียหายพบว่ากล่องบริจาคในศูนย์ปฏิบัติธรรมหายไป จากนั้นจึงได้ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบเห็นชายต้องสงสัย จำนวน 2 คน ขับรถจักรยานยนต์เข้ามาที่สำนักสงฆ์ แล้วร่วมกันลักทรัพย์กล่องบริจาคดังกล่าวหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการสืบสวน และสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 1 ราย คือนายอานนท์ฯ ให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกับนายสุทิวัสฯ เข้าไปลักทรัพย์
ตู้บริจาคในสำนักสงฆ์หลายแห่งใน อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของนายสุทิวัสฯ ผู้ต้องหาที่หลบหนี ทราบว่ามีประวัติโชกโชน พบมีหมายจับในความผิดฐานลักทรัพย์ฯ, รับของโจร ร่วม 3 หมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก. ๕ บก.ปคม. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าศาลา ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายสุทิวัสฯ ผู้ต้องหา มาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น และให้เข้าตรวจสอบพบว่า ตัวอยู่จริง จึงนํากําลังไปยัง สถานที่ดังกล่าว พบนายสุทิวัสฯ เดินอยู่ริมถนน พื้นที่ ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช จึงได้เข้าไปแสดงตัวและขอตรวจสอบ พบว่าเป็นบุคคลตามหมายจับดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงได้แสดงหมายจับ รับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับนี้จริงและไม่เคยถูกจับกุมตามหมายจับนี้มาก่อน นายสุทิวัสฯ ให้การ
รับสารภาพว่า ตนได้ร่วมกันเข้าไปลักตู้บริจาคในสำนักสงฆ์ โดยเงินที่ได้นำไปซื้อยาเสพติด (ยาบ้า) มาเสพ และได้ทำมาในลักษณะแบบนี้จำนวนหลายครั้งแล้วแต่ไม่เคยถูกจับกุมได้ กระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ในครั้งนี้
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพว่า ตนได้ร่วมกันเข้าไปลักตู้บริจาคในสำนักสงฆ์ โดยเงินที่ได้นำไปซื้อยาเสพติด (ยาบ้า) มาเสพ และได้ทำมาในลักษณะแบบนี้จำนวนหลายครั้งแล้วแต่ไม่เคย
ถูกจับกุมได้ กระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ในครั้งนี้
เตือนภัย ยาเสพติดทำให้ผู้เสพขาดสติ มีพฤติการณ์ก้าวร้าว รุนแรง แนะนำครอบครัวที่มีผู้เสพยา
ต้องระมัดระวังตนเอง รีบพาไปพบแพทย์ หรือแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อช่วยกันป้องกัน รวมถึงหากพบเห็น เด็กอายุลักษณะต่ำกว่า 18 ปี ทำงานในสถานที่ อโคจร สถานที่ล่อแหลม โปรดแจ้ง กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ที่ สายด่วน 1191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ท.นัฐพล ดาวเวียง สว.กก.5 บก.ปคม.
โทร. 064 – 8251954
“การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชน
ให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้าง
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด
ดังนั้น สำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น” 
