วันจันทร์, สิงหาคม 4, 2025
หน้าแรกวงการสีกากีตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบสาวไทยถูก แก๊งคอลเขมรฯ เนียนเป็นฝรั่งสายเปย์ หลอกให้รัก-หลอกให้เปิดบัญชีม้า อ้างโอนเงินให้เพื่อใช้อยู่ด้วยกัน สุดท้ายโดนหมายจับบัญชีม้า

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบสาวไทยถูก แก๊งคอลเขมรฯ เนียนเป็นฝรั่งสายเปย์ หลอกให้รัก-หลอกให้เปิดบัญชีม้า อ้างโอนเงินให้เพื่อใช้อยู่ด้วยกัน สุดท้ายโดนหมายจับบัญชีม้า

กดที่นี่เพื่ออ่านข่าว

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบสาวไทยถูก แก๊งคอลเขมรฯ เนียนเป็นฝรั่งสายเปย์

หลอกให้รัก-หลอกให้เปิดบัญชีม้า อ้างโอนเงินให้เพื่อใช้อยู่ด้วยกัน

สุดท้ายโดนหมายจับบัญชีม้า

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.เมฆพิศาล ศรีภิรมย์ ผกก.5 บก.ปอศ., พ.ต.ท.พิทยา คงเจริญ, พ.ต.ท.ภาคิน สุขพรหม และ พ.ต.ท.หญิง สินีนาฏ เชิดชูตระกูลทอง รอง ผกก.5 บก.ปอศ.

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ว่าที่ พ.ต.ท.สุทธิพงษ์ มอญรัต สว.กก.5 บก.ปอศ., ร.ต.อ.ศิระศักดิ์ ธนาวิบูลย์กุล รอง สว.กก.5บก.ปอศ., ด.ต.ชัยวัฒน์ เขียวอิ่ม, ด.ต.อติกันต์ เปรมสุข, ด.ต.ศุภชัยเอกจีน, ด.ต.คัมคุณ บุญครอบ, จ.ส.ต.เจษา สายติ๊บ, จ.ส.ต.ธีระเดช ลำสมุทร, จ.ส.ต.บรรเจิด คำเหลื่อม, ส.ต.อ.อธิเบศร์ พรหมสิทธิ์ ผบ.กก.5 บก.ปอศ.

ร่วมกันจับกุม น.ส.บุญญรัตน์ฯ อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครสวรรค์ ที่ จ402/2568 ลงวันที่ 22 กรกฎาคม 2568

ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งกับประชาชน และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา ยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากหรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตนโดย”

สถานที่จับกุม ตลาดนัด แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพฯ

พฤติการณ์ เมื่อประมาณกลางปี 2567 น.ส.บุญญรัตน์ฯ ได้เล่นแอปพลิเคชันหาคู่ ได้มีชายชาวต่างชาติใช้ชื่อว่า “John Frank” ได้ทักเข้ามาคุยกับน.ส.บุญญรัตน์ฯ เมื่อคุยกันได้เวลาหนึ่ง ได้แจ้งให้ น.ส.บุญญรัตน์ฯ เปลี่ยนช่องทางการสนทนาผ่านแอปพลิเคชัน Line แทน เพื่อจะได้คุยกันและสามารถ VIDEO CALL เพื่อเห็นหน้ากันได้ ต่อมาเมื่อประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ชายชาวต่างชาติใช้ชื่อว่า “John Frank” ได้พูดคุยกับ น.ส.บุญญรัตน์ฯ แจ้งว่าต้องการเดินทางมาที่ประเทศไทย เพื่อจะมาหา น.ส.บุญญรัตน์ฯ และจะมารับ น.ส.บุญญรัตน์ฯ ไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษด้วยกัน แต่มีเงื่อนไขว่า ให้ น.ส.บุญญรัตน์ฯ เปิดบัญชีธนาคาร เพื่อจะได้มีเงินเก็บไว้ในการเดินทางมาหาที่ประเทศไทย น.ส.บุญญรัตน์ฯ จึงเปิดบัญชีธนาคารผ่านระบบออนไลน์ของธนาคาร หลังจากนั้นได้มีเงินโอนมาจำนวน 80,000 บาท แต่เมื่อ น.ส.บุญญรัตน์ฯ ไปกดเงินสดที่ตู้ ATM จึงทราบว่าบัญชีธนาคารถูกอายัดไว้ ให้ติดต่อยืนยันตัวตนที่ธนาคาร และศูนย์ AOC เนื่องจากมีผู้เสียหายแจ้งไปยังศูนย์ AOC ว่าถูกหลอกและได้โอนเงินไปยังบัญชีของ น.ส.บุญญรัตน์ฯ ซึ่งต่อมาพนักงานสอบสวนได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง และออกหมายจับ น.ส.บุญญรัตน์ฯ ไว้เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สืบสวนทราบจากสายลับ ว่า น.ส.บุญญรัตน์ฯ ได้อยู่ที่ตลาดนัด พื้นที่บางพลัด กทม. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เข้าไปตรวจสอบ และพบ น.ส.บุญญรัตน์ฯ จริง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานตำรวจและแสดงความบริสุทธิ์ใจ จนเป็นที่พอใจแก่ น.ส.ยุพาพรฯ จึงได้ทำการตรวจสอบ เมื่อทำการตรวจสอบจนครบถ้วนถูกต้องแล้ว พร้อมแสดงหมายจับดังกล่าวข้างต้นให้ น.ส.บุญญรัตน์ฯ ดู โดย น.ส.บุญญรัตน์ฯ ยืนยันว่าตนเป็นบุคคลตามหมายจับจริง และยังไม่เคยถูกจับดำเนินคดีตามหมายจับนี้มาก่อน พร้อมกับร้องไห้เสียใจเมื่อทราบว่าจะถูกจับ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงพยายามปลอบโยน ก่อนแจ้งข้อหาตามหมายจับข้างต้น จึงได้นำตัวผู้ต้องหานำส่ง สภ.บรรพตพิสัย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ท.ว่าที่ พ.ต.ท.สุทธิพงษ์ มอญรัต สว.กก.5บก.ปอศ.

โทร. 092-2277789

“การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชน

ให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้าง

ทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด

ดังนั้น สำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น”

 

 

 

 

 

 

 

 

Ad 1
Ad 2