วันจันทร์, สิงหาคม 4, 2025
หน้าแรกวงการสีกากีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินหน้ารับฟังความคิดเห็น “ร่าง พ.ร.บ.แก้ไข ป.วิ.อาญา” ต่อเนื่อง จัดเวทีเสวนาภาคเหนือและภาคกลางตอนบน ที่นครสวรรค์ 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินหน้ารับฟังความคิดเห็น “ร่าง พ.ร.บ.แก้ไข ป.วิ.อาญา” ต่อเนื่อง จัดเวทีเสวนาภาคเหนือและภาคกลางตอนบน ที่นครสวรรค์ 

กดที่นี่เพื่ออ่านข่าว

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินหน้ารับฟังความคิดเห็น “ร่าง พ.ร.บ.แก้ไข ป.วิ.อาญา” ต่อเนื่อง

จัดเวทีเสวนาภาคเหนือและภาคกลางตอนบน ที่นครสวรรค์

 

วันที่ 26 มิถุนายน 2568 เวลา 09.00 น. ณ ศูนย์ฝึกตำรวจภูธรภาค 6 จังหวัดนครสวรรค์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.นิรันดร เหลื่อมศรี รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รับผิดชอบงานด้านกฎหมายและคดี) ร่วมรับฟังการเสวนาทางวิชาการ หัวข้อ

“การคุ้มครองสิทธิของประชาชน บนเส้นทางการสืบสวนสอบสวนตาม ป.วิ.อาญา” เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมต่อร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม ป.วิ.อาญา (ร่างของ ส.ส.พรรคประชาชน) ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลางตอนบน โดยมี พล.ต.ท.กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6,

พล.ต.ท.วสันต์ วัสสานนท์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6, พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน กรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ, พล.ต.ท.ดำรงค์ เพ็ชรพงค์ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิ ตร. พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาระดับ รองผู้บัญชาการ และ ผู้บังคับการ ในสังกัด ตำรวจภูธรภาค 5 และ ภาค 6 ร่วมงานเสวนา

การจัดเวทีเสวนาครั้งนี้นับเป็นเวทีครั้งที่ 4 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากที่ ตร. จัดเสวนาอย่างต่อเนื่อง จากเวทีในพื้นที่ภาคกลาง (ณ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ จ.นครปฐม) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (จ.ขอนแก่น) และภาคใต้ (จ.ภูเก็ต) โดยมีเป้าหมายเพื่อรับฟังความคิดเห็นที่มีต่อร่างกฎหมาย ให้รอบด้าน ครอบคลุม ทุกมิติ

และทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ภายในงาน ได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิในกระบวนการยุติธรรมร่วมอภิปราย ได้แก่ ท่านเปรมศักดิ์ ศรีนวล ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดนครสวรรค์, พล.ต.ท.ดำรงค์ เพ็ชรพงค์ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ดร.ชำนาญ ชาดิษฐ์ กรรมการอำนวยการ สำนักงานธนานุเคราะห์ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และทนายความ, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ เครือวัลย์ อินทรสุข ผู้ช่วยอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์, นายโสฬส วัฒนศิลป์ กต.ตร.จังหวัดนครสวรรค์ และ พ.ต.อ.ดร. เทิดสยาม บุญยะเสนา

ผู้กำกับการ (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธร ภาค 5 การเสวนาครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมกว่า 300 คน ประกอบด้วย ตัวแทนหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ภาคประชาชน นักศึกษาในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์และจังหวัดใกล้เคียง ตลอดจนพนักงานสอบสวนและข้าราชการตำรวจในสังกัด ภ.5 และ ภ.6 ภายหลังการเสวนาในภาคเช้า ยังมีกิจกรรมสัมมนากลุ่มย่อย (Focus Group) เพื่อระดมความคิดเห็นต่อร่างกฎหมาย และเปิดเวทีแลกเปลี่ยนข้อเสนอในการพัฒนางานสอบสวนจากผู้ปฏิบัติ

 

สำหรับร่าง แก้ไข ป.วิ.อาญา มีสาระสำคัญคือ การให้อัยการมีอำนาจกำกับดูแลงานสืบสวนสอบสวน เช่น ในการสืบสวนเมื่อพบเหตุต้องแจ้งให้พนักงานอัยการทราบทันที การออกหมายเรียก หรือขอศาลออกหมายจับ ต้องให้พนักงานอัยการให้ความเห็นชอบก่อน รวมถึงให้อำนาจพนักงานอัยการมากำกับการสอบสวนในคดีสำคัญ หรือคดีที่มีการร้องขอความเป็นธรรม ซึ่งในเวทีเสวนาวันนี้หลายฝ่ายได้แสดงความเห็นว่า ขั้นตอนการปฏิบัติที่ร่างกฎหมายกำหนด อาจส่งผลให้เกิดความล่าช้าในกระบวนการสอบสวน เพราะกระบวนการปฏิบัติงานที่ซ้ำซ้อนระหว่าง พนักงานสอบสวน อัยการ และศาล ย่อมส่งผลกระทบต่อประชาชนที่เป็นผู้เสียหายทำให้เข้าถึง กระบวนการยุติธรรมได้ล่าช้าขึ้น ย่อมจะกลายเป็นความไม่ยุติธรรม (Justice delayed is justice denied) ในเวทีเสวนา ยังได้ยกตัวอย่างคดีในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งต้องมีการสืบสวนสอบสวนคดียาเสพติดเพื่อป้องกันปัญหาการนำเข้ายาเสพติดตามแนวชายแดน หากนำขั้นตอนการปฏิบัติตามร่างกฎหมายมาใช้ อาจไม่เหมาะสมต่อสถานการณ์ ในการสืบสวนสอบสวน จับกุม ตรวจค้น คดียาเสพติดได้ในพื้นที่ได้ นอกจากนี้ในวงเสวนายังได้แลกเปลี่ยนข้อมูลในเรื่องงบประมาณของรัฐที่จะต้องจัดสรรเพิ่มเติมให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและสำนักงานอัยการ ในการจัดหาบุคลากร ทรัพยากรต่างๆ และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพิ่มเติม เพื่อรองรับภาระงานต่างๆ ที่มีเพิ่มขึ้นจากร่างกฎหมายนี้

ประเด็นที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่มีการแลกเปลี่ยนกันในการเสวนา คือ การแก้ไขกฎหมายต้องมีเหตุผลและความจำเป็นที่เหมาะสม แต่การเสนอแก้ไข ป.วิ.อาญา ครั้งนี้ เป็นการยกปัญหาเป็นข้อบกพร่องส่วนบุคคล ในงานสอบสวนแค่บางส่วน แต่มาเสนอแก้หลักการของกฎหมายแม่บท ทั้งที่การแก้ไขปัญหานั้นสามารถดำเนินการผ่านกลไกการประสานงานของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม หรือการแก้ไขระเบียบและคำสั่งที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะเป็นการแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด เหมาะสม และรวดเร็วกว่า โดยไม่จำเป็นต้องไปแก้ไข ป.วิ.อาญา เพราะจะทำให้ไปกระทบหลักการของระบบกฎหมายอาญาที่เป็นระบบกล่าวหาของประเทศไทยทั้งระบบโดยไม่จำเป็น นอกจากนั้น ร่าง ป.วิ.อาญาฉบับแก้ไข เน้นประเด็นการคุ้มครองสิทธิผู้ต้องหาค่อนข้างมาก ทั้งที่โดยหลักแล้วกระบวนการยุติธรรมต้องมีความสมดุลกันระหว่าง ผู้เสียหายและผู้ต้องหา และยังต้องคำนึงถึงมิติการบังคับใช้กฎหมายที่มีประสิทธิภาพเพื่อควบคุมอาชญากรรม (Due process) ตามหลักอาชญาวิทยาด้วย หากร่างกฎหมายมุ่งแก้ไขเพียงบางประเด็น จะทำให้เกิดความไม่สมดุลในกลไกของกระบวนการดำเนินคดี และยังส่งผลให้ขัดหรือแย้งกับมาตราอื่นๆ ที่ไม่ได้เสนอแก้ไขในคราวเดียวกันนี้อีกด้วย อาจเกิดความไม่ชัดเจนในการปฏิบัติ สุดท้ายย่อมส่งผลกระทบให้เกิดความล่าช้าในการสอบสวนโดยไม่จำเป็น

และส่งผลเสียต่อประชาชนผู้เสียหายในที่สุด

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รวบรวมผลการเสวนาทั้ง 4 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ และภาคเหนือ นำมาจัดทำเป็นเล่มรายงานทางวิชาการ 4 ฉบับ เพื่อเป็นข้อมูลการทำความเห็นและวิเคราะห์ผลกระทบของร่างกฎหมาย เสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งเผยแพร่ให้ผู้สนใจ ได้ศึกษาข้อมูลผลการเสวนาดังกล่าวต่อไป

 

Ad 1
Ad 2