พ.ต.อ.พรเทพ เฉลิมเกียรติ ผ.ก.ก.สน.สุทธิสาร พร้อมชุดสืบสวน สน.สุทธิสาร ร่วมกันจับกุมตัว นายเอกชัย คมกริส อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีชิงทรัพย์และพยายามฆ่า หลังก่อเหตุชิงทรัพย์และใช้มีดฟันศีรษะผู้เสียหายในซอยรัชดาภิเษก 15 เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา โดยพฤติการณ์สุดเหี้ยม ปิดบังทะเบียนจยย. ฟันเหยื่อกลางถนน
จากการสืบสวนทราบว่า เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2568 นายเอกชัย ซึ่งมีอาชีพขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง (ไรเดอร์) ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีแดงดำ ตระเวนไปทั่วกรุงเทพฯ โดยใช้ถุงพลาสติกปิดบังแผ่นป้ายทะเบียน เมื่อมาถึงซอยรัชดาภิเษก 15 ได้จอดรถพักอยู่ริมฟุตบาท และเห็นผู้เสียหายเดินลงมาจากรถเพื่อมุ่งหน้าไปร้านอาหาร นายเอกชัยจึงเดินตามไปและลงมือก่อเหตุ กระชากกระเป๋าผู้เสียหาย ระหว่างนั้นได้ใช้อาวุธมีดที่พกมา ฟันเข้าที่ศีรษะด้านหลังของผู้เสียหายอย่างแรง จนล้มลงกลางถนนรัชดาภิเษก ก่อนจะวิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์ที่จอดทิ้งไว้หลบหนีไปแกะรอยกล้องวงจรปิด ตามรวบที่ชลบุรี
หลังเกิดเหตุ ชุดสืบสวนได้เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คนร้ายหลบหนี จนสามารถระบุยี่ห้อรถและป้ายทะเบียนได้ นำไปสู่การทราบชื่อผู้ก่อเหตุคือนายเอกชัย เจ้าหน้าที่จึงติดตามตัวมาดำเนินคดี จนกระทั่งทราบว่านายเอกชัยหลบซ่อนตัวอยู่ที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นที่ทำงานของคนร้าย เจ้าหน้าที่จึงเฝ้าสังเกตการณ์และนำหมายจับเข้าแสดงตัวจับกุม
จากการสอบถามเบื้องต้น นายเอกชัยให้การยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับและเป็นผู้ก่อเหตุจริงตามภาพจริง โดยอ้างว่าที่ลงมือฟันผู้เสียหาย เนื่องจากผู้เสียหายทำท่าล้วงกระเป๋าคล้ายมีอาวุธปืน ตนตกใจจึงฟันเข้าที่ศีรษะ ส่วนทรัพย์สินที่ได้ไปมีเพียงโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง รุ่น S24 และเงินสด 200 บาท โดยอ้างว่าได้นำโทรศัพท์ไปให้ขอทาน เพราะไม่ได้ต้องการโทรศัพท์ ต้องการเพียงเงินเท่านั้น เนื่องจากเพิ่งพ้นโทษออกจากเรือนจำ เครียดที่ไม่มีงานและไม่มีเงิน จึงลงมือก่อเหตุ จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของนายเอกชัย พบว่าเคยก่อเหตุมาแล้วโชกโชน* ปี 2559 ถูกดำเนินคดีข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ ที่ สภ.หนองขาม จ.ชลบุรี และข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ที่ สภ.แหลมฉบัง จ.ชลบุรี * ปี 2563 ถูกดำเนินคดีข้อหาข่มขืน ที่ สภ.เมืองปทุมธานี* ปี 2568 ก่อเหตุชิงทรัพย์และพยายามฆ่า ในพื้นที่ สน.สุทธิสาร เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายเอกชัยส่งพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป