หมอแอร์ จากหมอตำรวจ ข้าราชการระดับสูง แพทย์ (สบ 5) เทียบเท่า รองผู้บังคับการ ที่ต้องหาคดีอาญา ท้าทายอำนาจหน้าที่ของ ฝ่ายสืบสวนสอบสวน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า ระบบการดำเนินคดีจะเอาผิด ผู้ต้องหาที่มี สถานะเป็นข้าราชการตำรวจ ฝ่ายบุคลากรทางการแพทย์ และต้องส่งสำนวนไปยัง คณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือไม่ เพราะคดีนี้ ความเกี่ยวเนื่องเกี่ยวโยง ทั้ง ประมวลกฎหมายยาเสพติด ,คดีทุจริตในตำแหน่งหน้าที่ และการฟอกเงิน เกี่ยวข้องทั้ง ปปช ปปง ปปส ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตรงในการสืบสวนสอบสวนคดีเหล่านี้
ไม่ง่ายที่กระบวนการสืบสวนสอบสวนจะทำได้หากไม่มีความร่วมมือเกิดขึ้นในการรวบรวมข้อมูลและพยานหลักฐานยืนยันการกระทำ ซึ่งอาจมีผู้เกี่ยวข้องในแวดวง สีกากี และบุคลากรทางการแพทย์
คดีข้าราชการทุจริตเชิงระบบเหล่านี้เป็นที่หน้าหนักใจของพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ถ้าจะต้องทำสำนวนการสอบสวน เพราะผู้ต้องหาเป็นผู้มีอิทธิพล มีบารมี ในสังคมไทยที่ยังเป็นระบบอุปภัมภ์ การขยับตัวของเจ้าหน้าที่ผู้ทำสำนวนล้วนแต่เต็มไปด้วยความกดดัน จากการปฏิบัติหน้าที่ให้ดี ไม่มีความบกพร่อง และมองถึงความเป็นธรรมที่จะยืนยันการกระทำผิดของผู้ต้องหา ถ้า ผบ.ชา ไม่พิจารณาตั้งเป็นคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามอำนาจหน้าที่ เห็นที่จะมี รองสารวัตร (สอบสวน) ที่จะต้องแบกสำนวนและความกดดันอยู่เพียงคนเดียว และคนนั้นต้องเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ ที่รับงานสอบสวนของ คดียาเสพติด คดีข้าราชการทุจริต และคดีฟอกเงิน ข้อหายาวเฟี้อย และพยานหลักฐานคงหลายแฟ้ม ส่งตรวจยา รายงาน ปปส ปปง ปปช
ฝาก ผบ.ชา ตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ให้มีคณะทำงานจริง อย่าทิ้งให้ พงสส. เดียวดาย หรือโอนสำนวนการสอบสวนให้หน่วยงานที่มีอำนาจและหน้าที่ตรง จะทำให้ไม่เป็นที่ครหา ว่า ตำรวจช่วยตำรวจกันเอง และบทลงโทษทางวินัยที่พิจารณาทัณฑ์ตาม กฎ.ก.ตร.คงต้องพิจารณาใช้อย่างเคร่งครัด คงต้อง “ไล่ออก” งดบำเหน็จบำนาญ ไม่ใช้แค่ “ให้ออก” ตัดนิ้วร้ายออกจาก สตช.โดยด่วนค่ะ
และหน่วยงานตัวจริงต้องลงมาเล่นในสนามตามที่ระบบยุติธรรมทางอาญา ได้มอบดาบอันศักดิ์สิทธิ์ให้ลงทัณฑ์ผู้ทุจริตเชิงระบบ เพื่อทำตามอำนาจและหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายค่ะ
#ปปช
#ปปง
#ปปส
#ระบบการสอบสวนคดีอาญา