แม่ให้อภัยคู่กรณี เชื่อเหตุที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุซึ่งไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น
วันที่ 7 มิถุนายน 2568 เวลา 18.22 น.
จากกรณีเหตุการณ์ รถกระบะพุ่งตัดหน้ารถ จยย. บริเวณหน้าวัดทุ่งครุ เป็นเหตุให้หนุ่มช่างซ่อมรถ จยย. เสียชีวิต ซึ่งมีแม่พิการตาบอด ลูกชายวัยแค่ 10 ขวบ ต้องไร้ที่พึ่งพิง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ( วันที่ 6 มิถุนายน 2568 ในช่วงเวลาประมาณ 22.23 น. )
ร้อยตำรวจเอก อภิวัฒน์ พวกอินแสง รอง สว.สอบสวน สน.ทุ่งครุ รับแจ้งมีอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์ ชนกับรถกระบะ บริเวณหน้าวัดทุ่งครุ และภายในที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย จึงรีบรุดจัดกำลังพร้อมประสานแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลศิริราช และ อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งเร่งรัดตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุพบเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นบริเวณหน้าวัดทุ่งครุ ปากซอยประชาอุทิศ 84 ถนน ประชาอุทิศ แขวง ทุ่งครุ เขต ทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร ที่เกิดเหตุพบรถกระบะยี่ห้อ ฟอร์ด สีบลอนด์เทา ทะเบียน 2 ขฌ 1777 กรุงเทพมหานคร อยู่ในสภาพจอดนิ่งสนิทในลักษณะขวางถนนในช่องเลนซ้ายสุด สภาพประตูหน้ารถฝั่งขวาบุบ กระจกแตก ได้รับความเสียหาย ส่วนผู้ขับขี่รถกระบะคันดังกล่าวเป็นชาย 1 ราย อายุประมาณ 50 – 55 ปี ยังยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ภายในที่เกิดเหตุ ส่วนถัดมาพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย อยู่ในสภาพนอนหงายหน้าอยู่กับพื้นถนน ซึ่งทราบชื่อผู้เสียชีวิตต่อมาชื่อนาย ลิขิตกุล บัวสิน อายุ 34 ปี การแต่งกายสวมใส่เสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีขาว กางเกงขายยาวสีน้ำตาล ไม่สวมรองเท้า จากการตรวจสอบร่างกายผู้เสียชีวิตพบมีบาดแผลเปิดที่คาง บาดแผลเจาะที่หน้าผาก กรามหัก คอหัก มีเลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมากที่ปาก จมูก และที่หู อาสาสมัครกู้ภัยพยายามช่วยชีวิตอย่างเต็มที่แล้วด้วยการทำ CPR แต่ไม่เป็นผล และถัดมาใกล้กับร่างผู้เสียชีวิตพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่ง CPX สีน้ำเงิน ทะเบียน 4 กผ 1095 กรุงเทพมหานคร ในสภาพพังเสียหายยับเยินทั้งคัน ในสภาพล้มตะแคงคว่ำอยู่บนพื้นถนน ซึ่งจากการตรวจสอบแล้วพบว่ารถจักรยานยนต์คันดังกล่าวเป็นของผู้เสียชีวิต
และวันนี้ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางมาที่วัด พุทธบูชา ศาลาอเนกประสงค์ ( ศาลา 6 ) ถนน พุทธบูชา แขวง บางมด เขต ทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร เพื่อติดตามความคืบหน้าในกรณีเหตุการณ์ดังกล่าว
และจากการสอบถามนางสาว ลัดดา เลิศบุญการกิจ อายุ 62 ปี เป็นแม่ของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า เมื่อวานเขามาขอโทษว่าเขาไม่ได้ตั้งใจแล้วเขาก็บอกว่าเขาจะรับผิดชอบทุกอย่างต่อไปจนก็จะต้องใช้ชีวิตอยู่ไปแบบนี้เเหละ เพราะลูกชายของตนซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัวไม่ได้อยู่ด้วยแล้ว ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ตาของตนบอดมาได้สามสิบปีแล้วตอนที่ลูกชายของตนอยู่เขาจะเป็นคนดูแลทุกเรื่อง ตนอยากได้อะไรลูกชายก็จะเป็นหาซื้อมาให้ ถ้าลูกชายของตนได้ยิน ตนก็อยากจะบอกกับเขาว่าไม่ต้องห่วงลูกห่วงแม่ หลับให้สบายไม่ต้องมาห่วงลูก ห่วงแม่ ครั้งสุดท้ายที่เขามาคุยกับลูกเขา เขาก็วีดีโอคอลมาคุยกับลูกเขาสองคนไม่ได้คุยอะไรกับตน แต่ครั้งสุดท้ายที่เขาออกไปเขาเรียกลูกเขาเข้าไปหาแล้วเขาก็บอกกับลูกเขาว่าต้องเชื่อฟังย่านะแล้วเขาก็กอดลูกชายเขาแล้วก็บอกกับลูกเขาว่าถ้าป๋าไม่อยู่แล้วต้องเชื่อฟังย่านะ แล้วเขาก็ขอกอดลูก ตนก็ไม่คิดว่าวันที่เขากอดลูกของเขาจะเป็นวันสุดท้ายของเขา
ส่วนทางด้านคู่กรณี กล่าวว่า ตนมาวันนี้ตนมาเพื่อกราบขอขมาศพ และมากราบขอขมากับแม่ของเขาด้วย และตนยินดีที่จะรับผิดชอบทุกอย่าง ซึ่งเหตุการณ์วันนั้นตนไปงานศพแล้วกำลังจะขับรถกลับบ้านพอออกหน้าประตูวัดมาเขาก็พุ่งมาชนรถของตนเลย ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวตนคิดว่ามันเป็นอุบัติเหตุซึ่งไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นแต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วตนก็ยินดีที่จะรับผิดชอบในสิ่งที่เกิด
พร้อมทั้งวันนี้ทางคู่กรณีได้มอบเงินสดช่วยเหลือในส่วนของค่าฌาปนกิจศพ เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 50,000 บาท มาให้กับคุณแม่ผู้เสียชีวิตในเบื้องต้น และเพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบ พร้อมทั้งได้ยกมือไหว้กราบขอขมากับคุณแม่ด้วยความจริงใจอีกด้วย
ส่วนทางด้านคุณแม่ได้กล่าวว่า แม่ให้อภัยกับทางคู่กรณีแล้วเพราะตนเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเป็นอุบัติเหตุจริงๆไม่มีใครตั้งใจที่จะอยากให้เกิดขึ้น
เบื้องต้นทางคุณแม่จะตั้งสวดพระอภิธรรมศพ ของนาย ลิขิตกุล บัวสิน เป็นเวลา 3 คืน ที่วัดพุทธบูชา ศาลาอเนกประสงค์ ( ศาลา 6 ) และในวันอังคารที่ 10 มิถุนายน 2568 เวลา 17.00 น. จะมีการ ฌาปนกิจศพ