ทหารเกณฑ์ ร้องสายไหมต้องรอด ถูกนาย บังคับวิ่งแกร๊บ วันละ 20 ชั่วโมง ตั้งยอดวันละ 3,000 บาท ให้ค่าจ้างแค่ 10% ซ้ำยังขู่ หากไม่ทำ จะไม่อนุญาตให้ลากลับบ้าน
วันนี้ 15 พฤษภาคม 2568 ผู้เสียหาย เล่าให้ฟังว่า ตนเข้ามาเป็นทหารเกณฑ์เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน 2567 สังกัดกองบิน 23 จังหวัดอุดรธานี ช่วงแรกๆก็เข้ารับการฝึกปกติ แต่ผ่านไปได้ 2 เดือน ผู้บังคับบัญชาในค่าย ก็ได้มาถามหาว่ามีใครขับรถยนต์ได้บ้าง ตนจึงตอบรับไป ตอนแรกตนคิดว่า นายจะเอาไปทำงานขับรถพาออกไปที่อื่น แล้วนายก็พาตนเข้าไปทำงานในบ้านพร้อมกับเสนอว่า จะให้ตนออกไปขับแกร๊บคาร์รับส่งคน จะให้ค่าจ้าง 10% ของรายได้ต่อวัน
ช่วงแรกๆ ตนวิ่งแกร๊บที่จังหวัดอุดรธานี ประมาณ 2 เดือน ได้วันละประมาณ 1,000 บาท แล้วนาย ขอได้เสนออีกว่าให้มาวิ่งงานที่กรุงเทพฯ ตนจึงตอบรับไป มาวิ่งที่กรุงเทพวันที่ 20 เมษายน โดยนายตั้งเป้าว่า ต้องวิ่งให้ได้วันละ 3,000 บาท ซึ่ง ตนต้องออกไปวิ่งงานตั้งแต่ 03:00 น. ยาวไปจนถึงเที่ยงคืน ถึงจะได้ยอดตามที่นายตั้งเป้าไว้ หากวันไหนไม่สามารถทำยอดได้ตามเป้าก็จะถูกนายตำหนิ ซึ่งตนก็ไม่กล้าที่จะ ขอยกเลิกเพราะรู้สึกกลัวนาย เนื่องจากอยู่ในค่ายนายคนนี้ดุมาก มีแต่คนกลัว และตนก็เคยถูกนายข่มขู่อีกว่า ถ้าทำไม่ได้ก็จะเรียกตนกลับไปอยู่ค่ายและจะเช็คชื่อทุกวันไม่อนุญาตให้ตนลากลับไป และยังมีการข่มขู่ไปจนถึงครอบครัวตนอีกด้วย
อีกทั้งที่ค่ากินค่าอยู่ตนก็ต้องเป็นคนออกค่าใช้จ่ายเอง ซึ่งเหตุผลที่ตนยอมออกมาวิ่งงานเป็นเพราะต้องการหารายได้เสริม ขอดูแลลูกที่อยู่ทางบ้าน ลำพังแค่เงินเดือนทหารเกณฑ์ เดือนละ 8,000 บาทก็ไม่พอใช้
วันนี้ที่ออกมาร้องเรียน เพราะรู้สึกกดดันเหนื่อยจนทนไม่ไหว ถ้าเป็นไปได้ ก็ไม่อยากกลับไปอยู่ในค่ายเดิม กลัวจะโดนทำร้ายร่างกายหรือโดนกลั่นแกล้งด้วยวิธีอื่นๆ เพราะตอนยังเหลือเวลาอีกมากกว่า 1 ปีถึงจะต้องปลดประจำการณ์
ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้ประสานโฆษกกองทัพอากาศแล้ว รวมทั้ง ได้พูดคุยกับผู้บังคับการกองบิน 23 แล้วทราบว่านายทหารคนดังกล่าวยศนาวาอากาศตรี ตำแหน่งรองผู้บังคับการกองพัน ตอนนี้ทางกองทัพอากาศได้มีการสั่งย้ายและมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว จึงอยากให้ผู้เสียหายมั่นใจว่าถ้าหากกลับไปค่ายจะไม่มีการถูกทำร้ายหรือถูกกลั่นแกล้ง ซื้ออาหารทหารนายใด ถูกผู้บังคับบัญชาการแจ้งก็ขอให้ประสานตนมาได้เลย ตนจะเป็นสื่อกลางในการร้องเรียนกับต้นสังกัด เพื่อให้เกิดความยุติธรรม
ต่อมาทีมงานสายไหมต้องรอด ได้พาผู้เสียหาย ทั้ง 2 เคส เข้ามาพบ พลอากาศโท ประภาส สอนใจดี รองเสนาธิการทหารอากาศ ในฐานะ โฆษกกองทัพอากาศ และนาวาอากาศเอก วุฒิกร สุวารี รองเสนาธิการหน่วยบัญชาการอากาศโยธิน
สำหรับเคสทหารเกณฑ์ถูกผู้บังคับบัญชาบังคับขับแกร๊บส่งเงินนั้น เบื้องต้นได้มีการสั่งย้ายคู่กรณีไปแล้ว รวมทางได้มีการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง จึงขอให้ผู้เสียหายมั่นใจว่าถ้าหากกลับไปค่ายก็จะไม่ถูกกลั่นแกล้งอย่างแน่นอน เพราะในค่ายก็มีกฎระเบียบ ที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม รวมทั้งจะมีการตรวจสอบเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาสั่งให้ทหารเกณฑ์ไปทำงานที่บ้านด้วย เพราะเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องสั่งห้ามโดยเด็ดขาด
ส่วนเรื่องที่ ผู้เสียหายอยากจะขอย้ายค่ายฝึกนั้น ตามกฎระเบียบแล้วไม่สามารถทำได้ แต่จะมีการพูดคุยปรึกษากันเพื่อจะหาทางแก้ไขในระยะยาว
ส่วนเคสที่นายทหารก่อเหตุลวนลามในเดอร์สาวนั้น เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่าเป็นนายทหารชั้นประทวนจริง ตอนนี้อยู่ระหว่าง การตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดซึ่งทางกองทัพอากาศยืนยันว่า ถ้าหาก มีความผิดจริงก็จะดำเนินการทางวินัยทันที ส่วนเรื่องอาญาก็จะมีการประสานข้อมูลกับตำรวจ