หน้าแรกอาชญากรรมเปิดปฏิบัติการ Fast Fraud Furious ล่า Young Mastermind อดีตแชมป์ประเทศไทยโครงงานธุรกิจของมหาลัยดัง วางแผนลักทรัพย์รถยนต์โดยใช้กลอุบายกว่า 24 คัน

เปิดปฏิบัติการ Fast Fraud Furious ล่า Young Mastermind อดีตแชมป์ประเทศไทยโครงงานธุรกิจของมหาลัยดัง วางแผนลักทรัพย์รถยนต์โดยใช้กลอุบายกว่า 24 คัน

กดที่นี่เพื่ออ่านข่าว

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) โดยกองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง เปิดปฏิบัติการจับกุม Fast Fraud Furious ล่า Young Mastermind ขบวนการใช้อุบายติดต่อหาเช่ารถจากบริษัทนิติบุคคลต่างๆ

 

ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา รวมทั้งสิ้นจำนวน 4 ราย โดยแต่ละคนมีหน้าที่ ดังนี้

1.นายภัทรจารินทร์ (สงวนนามสกุล) นามแฝง นายแจ็ค (ทราบชื่อเล่นภายหลังว่าชื่อว่า ยิ้ม) ทำหน้าที่ติดต่อใช้อุบายขอเช่ารถจากบริษัทต่างๆ และได้เป็น Master Mind ของขบวนการลักทรัพย์กลอุบาย

2.น.ส.มนัญชยา (สงวนนามสกุล) ทำหน้าที่ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ สร้างความน่าเชื่อถือเป็นบริษัทนิติบุคคล มอบอำนาจเพื่อทำสัญญาเช่ารถ และรับมอบรถยนต์

3.น.ส.พรพรรณ (สงวนนามสกุล) ทำหน้าที่ เป็นผู้รับมอบอำนาจจากนิติบุคคล และทำนิติกรรมสัญญาขอเช่ารถจากผู้เสียหาย และรับมอบรถยนต์

4.น.ส.นวรัตน์ (สงวนนามสกุล) ทำหน้าที่ เป็นผู้ชำระเงินค่าเช่ารถล่วงหน้าให้ผู้เสียหาย(ฝากเงินผ่านเคาเตอร์ธนาคาร เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบเส้นทางการเงิน โดยรับเงินสดจากผู้ต้องหาหมายเลข 1 (นายภัทรจารินทร์ฯ หรือนายยิ้ม)

ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้กลอุบาย”

 

พฤติการณ์กล่าวคือ สืบเนื่องจากปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาหลังจากมีการแถลงข่าวของ กก.2 บก.ทล.ทลายขบวนการฟอกขาวรถยนต์ ก็ได้มีผู้เสียหายเป็นเจ้าของบริษัทรถเช่าแห่งหนึ่งใน กทม.แจ้งว่าตนเองได้เห็นการแถลงข่าวของจนท.แล้วเชื่อว่า จนท.ตำรวจทางหลวงน่าจะช่วยตนเองจากแก๊งมิจฉาชีพกลุ่มนี้ได้ ผู้เสียหายแจ้งว่า เมื่อวันที่ 16 ม.ค.68 ได้มี นายแจ็ค(ชายไม่ทราบชื่อสกุลจริง)ได้ติดเข้ามาหาผู้เสียหายและ ได้อ้างว่าตนเป็นพนักงานของ นิติบุคคลแห่งหนึ่ง ย่านลำผักชี (บริษัท เอ็ม วาย เอ็น คิทเช่น 2043 จำกัด) และได้ใช้อุบาย อ้างกับผู้เสียหายว่า ทางนิติบุคคลดังกล่าวต้องการที่จะเช่ารถยนต์บรรทุกขนาดเล็ก จำนวน 6 คัน โดยเช่าเป็นระยะเวลา 5 ปี และตกลงค่าเช่ากันที่เดือนละ 19,000 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) และต้องชำระเงินค่าเช่าล่วงหน้า 1 เดือน และได้มีการพาผู้เสียหายเข้าไปดูที่ตั้งและสถานที่ประกอบการของ นิติบุคคลดังกล่าว โดยแอบอ้างว่าเป็นบริษัทที่กระทำการเกี่ยวกับการชำแหละเนื้อสัตว์ปีกและต้องการใช้รถกระบะเป็นยานพาหนะในการขนย้ายและส่งสินค้าไปยังผู้ประกอบการต่าง ๆ โดยบริษัทดังกล่าวได้ตั้งอยู่ที่พื้นที่ สน.ลำผักชี โดยมีนางสาวพรพรรณฯ หรือต่ายแสดงตนเป็นผู้รับมอบอำนาจจากนิติบุคคลดังกล่าว เป็นผู้ทำสัญญาเช่า และชำระค่าเช่ารถทั้ง 6 คันล่วงหน้า จนวันที่ 27 ม.ค.68 ได้มีการนัดส่งมอบ รถยนต์บรรทุกขนาดเล็ก (รถกระบะ) จำนวน 6 คัน กันที่โรงงานของบริษัท เอ็ม วาย เอ็น คิทเช่น 2043 จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ที่ นิคมอุตสาหกรรมบึงโคล่ แขวงลำผักชี เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร และต่อมาวันที่ 29 ม.ค.68 ทางผู้เสียหายได้ตรวจสอบระบบนำทาง (GPS) ของรถยนต์บรรทุกขนาดเล็ก จำนวน 6 คันพบว่า ได้มีการถอดระบบนำทาง (GPS) ของรถยนต์ ทั้ง 6 คัน ออกทันทีหลังรับมอบรถยนต์ และเมื่อผู้เสียหายติดต่อไปยังนิติบุคคลดังกล่าวก็บ่ายเบี่ยงและไม่สามารถติดต่อได้ ผู้เสียหายจึงเดินทางมาขอความช่วยเหลือจาก จนท.ตำรวจทางหลวงเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

และจากการสืบสวนของ เจ้าหน้าที่ ตำรวจ กก.2 บก.ทล. ยังพบว่า กลุ่มผู้ต้องหาได้มีการใช้อุบายในการหลอกลวงเช่ารถยนต์ โดยมีลักษณะแผนประทุษกรรม รูปแบบเดียวกัน หลอกลวงผู้เสียหายอีก 4 ราย รวมทั้งสิ้น จำนวน 24 คัน ในพื้นที่ สน.ลำผักชีเพิ่มเติมอีกจำนวน 2 คัน สน.ทองหล่อ จำนวน 4 คัน สน.พหลโยธิน จำนวน 2 คัน และ พื้นที่ สน.มักกะสัน จำนวน 10 คัน แต่ในส่วนของพื้นที่ สน.มักกะสัน จำนวน 10 คัน เจ้าหน้าที่ ตำรวจ กก.2 บก.ทล. ได้สืบสวนจนทราบว่าได้มีการหลอกลวงและยังไม่มีการส่งมอบ จึงได้มีการติดต่อผู้เสียหาย และยับยั้งความเสียหายไว้ได้ทันท่วงที

ซึ่งกลุ่มผู้ต้องหาได้สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างและมีมูลค่าความเสียหายกว่า 12 ล้านบาท โดยกลุ่มผู้ต้องหาได้ทำการใช้กลอุบายในการลักทรัพย์ไปทั้งสิ้น 24 คัน ซึ่งสามารถลักทรัพย์สำเร็จไปทั้งสิ้น 14 คัน ในส่วนที่เหลืออีก 10 คัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ทล. สามารถเข้าแจ้งเตือนต่อผู้เสียหายที่กำลังจะส่งมอบได้ทันเวลา จึงสามารถยับยั้งได้ทันเวลา

สรุป กลุ่มคนร้ายลักทรัพย์โดยใช้กลอุบายหลอกเช่ารถจากบริษัทต่างๆจำนวน 4 บริษัท ได้รถไปรวม 14คัน ยังไม่ได้ไปรวม 10 คัน มูลค่าความเสียหายประมาณ 12 ล้านบาท

ตำรวจสอบสวนกลางเตือนภัยประชาชน ให้ระวังป้องกันกลุ่มมิจฉาชีพที่แอบอ้าง ดังนี้

1.ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของนิติบุคคล (ผู้เช่า) และสถานะทางการเงิน

2.ควรพบเจอกับผู้บริหารหรือกรรมการผู้อำนาจด้วยตนเอง

3.หลีกเลี่ยงการทำสัญญา (นิติกรรม) ด้วยวิธีการที่ไม่พบเจอตัวจริง(ส่งเอกสารไปกลับ)

4.หากมีพฤติการณ์เชื่อได้ว่ารถของท่านจะถูกโจรกรรม ให้รีบโทรแจ้งสายด่วน ตำรวจทางหลวง 1193 เพื่อสกัดจับได้ทันท่วงที เช่น ( ถอดระบบนำทาง (GPS) ,ขาดการติดต่อ, ฯลฯ)

Ad 1
Ad 2