สิ้น ธานินทร์ กรัยวิเชียร อดีตนายกรัฐมนตรี ถึงแก่อสัญกรรม ในวัย 97 ปี ครอบครัวเตรียมแจ้งกำหนดการพระราชทานเพลิงศพ
วันที่ 23 ก.พ. 25678 นายธานินทร์ กรัยวิเชียร อดีตนายกรัฐมนตรี และองคมนตรีในสมัยรัชกาลที่ 9 ได้ถึงแก่อสัญกรรม ในวัย 97 ปี
ทั้งนี้ สำหรับศาสตราจารย์พิเศษ ธานินทร์ กรัยวิเชียร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตองคมนตรีในรัชกาลที่ 9 ได้ถึงแก่อสัญกรรม สิริอายุ 97 ปี และนอกจากนี้ กำหนดการพิธีทางศาสนา จะมีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ในวันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 17.00 น ณ ศาลาบัณณรศภาค วัดเบญจมบพิตรฯ
สำหรับประวัติ ศาสตราจารย์พิเศษ ธานินทร์ กรัยวิเชียร
ศาสตราจารย์พิเศษ ธานินทร์ กรัยวิเชียร ป.จ. ม.ป.ช. ม.ว.ม. ภ.ป.ร. ๒ เกิดเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2470 ภูมิลำเนา ณ จังหวัดพระนคร เป็นบุตรนานแห นางผะอบ กรัยวิเชียร สมรสกับคุณหญิง คาเรน กรัยวิเชียร (สกุลเดิม: แอนเดอเซ่น) มีบุตรด้วยกัน 5 คน
ด้านการศึกษา
ธานินทร์ สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รุ่น พ.ศ. 2479 ต่อมาในปี พ.ศ. 2491 ได้ไปศึกษาวิชากฎหมายต่อที่ ณ วิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์แห่งลอนดอน มหาวิทยาลัยลอนดอน สหราชอาณาจักร และ พ.ศ. 2496 เนติบัณฑิตอังกฤษจาก สำนักอบรมศึกษากฎหมายของเนติบัณฑิตยสภา สำนักเกรย์สอินน์ ประเทศอังกฤษ
ด้านการทำงาน
ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์
ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดเชียงใหม่
ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา
ศาสตราจารย์สอนวิชากฎหมายที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำนักอบรมศึกษากฎหมายของเนติบัณฑิตยสภา
ศาสตราจารย์(พิเศษ)ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
นายกรัฐมนตรี ใน คณะรัฐมนตรีคณะที่ 39 ของไทย (8 ตุลาคม พ.ศ. 2519 – 20 ตุลาคม พ.ศ. 2520)
องคมนตรี (ตั้งแต่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2520 – 6 ธันวาคม พ.ศ. 2559)
กรรมการตุลาการ (พ.ศ. 2521 – พ.ศ. 2528)
กรรมการร่างกฎหมายของคณะกรรมการกฤษฎีกา
ประธานกรรมการปรับปรุงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
รองประธานกรรมการมูลนิธิจุฬาภรณ์
รองประธานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์
รองประธานกรรมการมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
ประธานกรรมการมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช
กรรมการบริหารมูลนิธิอานันทมหิดล
กรรมการบริหารสภากาชาดไทย
กรรมการบริหารศิริราชมูลนิธิ
บทบาททางการเมือง
ธานินทร์ กรัยวิเชียร เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 14 ของไทย ภายหลังจากที่คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินโดยการนำของ พลเรือเอก สงัด ชลออยู่ ได้ทำการรัฐประหารรัฐบาลของ หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 สาเหตุที่เขาได้เป็นนายกรัฐมนตรีเนื่องจาก ขณะที่พลเรือเอก สงัด ชลออยู่ เข้าเฝ้า พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ทรงพระราชทานคำแนะนำแก่พลเรือเอก สงัด ชลออยู่ ให้ปรึกษาธานินทร์ กรัยวิเชียร ผู้พิพากษาศาลฎีกา ณ ขณะนั้น
ในระหว่างดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน รัฐบาลของธานินทร์ กรัยวิเชียร มีนโยบายโดดเด่นคือ การต่อต้านภัยคุกคามของลัทธิคอมมิวนิสต์ที่กำลังมีอิทธิพลอย่างสูงในขณะนั้น นโยบายปราบปรามยาเสพติด โดยจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) อีกทั้งนโยบายด้านการปราบปรามคอรัปชั่น รัฐบาลของธานินทร์ กรัยวิเชียร นับว่าเป็นรัฐบาลเผด็จการพลเรือนที่ใช้อำนาจจัดการประชาชนในข้อหาคอมมิวนิสต์ จนมีประชาชนส่วนหนึ่งหนีข้อหานี้เข้าป่าไปเป็นจำนวนมาก มีการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ควบคุมเสรีภาพสื่อมวลชน สั่งปิดหนังสือพิมพ์ ซึ่งในระยะเวลา 1 ปี มีคำสั่งปิดหนังสือพิมพ์ถึง 22 ครั้ง ซึ่งผู้สั่งปิดได้แก่ สมัคร สุนทรเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยอาศัยอำนาจคำสั่งปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 42 เป็นยุคมืดของวงการสื่อสารมวลชนและนักหนังสือพิมพ์
อย่างไรก็ตามเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่ซื่อสัตย์สุจริตที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทย ภายหลังจากที่คณะปฏิวัติได้ทำการรัฐประหารรัฐบาลของธานินทร์แล้ว พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งธานินทร์ให้ดำรงตำแหน่งองคมนตรี และได้ดำรงตำแหน่งนี้มาจนสิ้นรัชกาล โดยก่อนหน้านั้นเขาได้รับแต่งตั้งเป็นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. 2516
เมื่อพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคต และพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ซึ่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์จะปฏิบัติหน้าที่องคมนตรีในคราวเดียวกันไม่ได้ ดังนั้น คณะองคมนตรีจึงได้มีมติเลือกธานินทร์ ซึ่งเป็นผู้มีอาวุโสสูงสุด เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ประธานองคมนตรี
รางวัลและเกียรติยศ
ศาสตราจารย์พิเศษ ธานินทร์ ได้รับพระราชทานยศนายกองใหญ่แห่งกองอาสารักษาดินแดน เป็น ศาสตราจารย์ นายกองใหญ่ ธานินทร์ กรัยวิเชียร เมื่อ พ.ศ. 2520
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ได้รับ
พ.ศ. 2537 –เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 1 ปฐมจุลจอมเกล้า (ป.จ.) (ฝ่ายหน้า)
พ.ศ. 2521 –เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)
พ.ศ. 2520 –เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)
พ.ศ. 2561 –เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา (ร.ด.ม.(ศ)) สาขานิติศาสตร์
พ.ศ. 2520 –เหรียญราชการชายแดน (ช.ด.)
พ.ศ. 2520 –เหรียญลูกเสือสดุดี ชั้นที่ 1
พ.ศ. 2522 –เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ 2 (ภ.ป.ร.2)