วันพฤหัสบดี, ธันวาคม 25, 2025
หน้าแรกอาชญากรรมตำรวจ สน.ท่าเรือ ไล่จับผู้ต้องหาคดีพยามฆ่า ถูกยิงบาดเจ็บ เด็ก 2 รายโดนลูกหลง เหตุชุมชนล็อค 4-5-6 คลองเตย

ตำรวจ สน.ท่าเรือ ไล่จับผู้ต้องหาคดีพยามฆ่า ถูกยิงบาดเจ็บ เด็ก 2 รายโดนลูกหลง เหตุชุมชนล็อค 4-5-6 คลองเตย

กดที่นี่เพื่ออ่านข่าว

ตำรวจ สน.ท่าเรือ ไล่จับผู้ต้องหาคดีพยามฆ่า ถูกยิงบาดเจ็บ เด็ก 2 รายโดนลูกหลง เหตุชุมชนล็อค 4-5-6 คลองเตย

วันที่ 24 ธันวาคม 2568 พ.ต.ท. พีระพงษ์ หันกลาง ร้อยเวรสน.ท่าเรือ พร้อมตำรวจ ชุดจู่โจม ไล่จับ นายต๊อบ ผู้ต้องหาหมายจับคดีค้างเก่า ข้อหาพยายามฆ่า แต่กลับชักปืนยิงสู้เจ้าหน้าที่ วิ่งเข้าไปในชุมชน 70 ไร่ ย่านคลองเตย ส่งผลให้ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 1 นาย เยาวชนหญิงอายุ 13 ปี ถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บ อีก 2 คน ก่อนหลบหนีไปได้ ตำรวจเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดี

นี่เป็นคลิปวงจรปิดขณะ นายบุรินทร์ แก้วอบเชย อายุ 46 ปี หรือนายต๊อบ ผู้ต้องหาคดีค้างเก่า ในข้อหาพยายามฆ่า พยายามวิ่งหลบหนีตำรวจขณะถูกควบคุมตัว เข้าไปในชุมชนคลองเตย ล็อก 4-5-6 แยก 10 ก่อนได้ยินเสียงปืนดังขึ้น จำนวนหลายนัด

โดยกล้องวงจรปิดอีกมุมหนึ่ง เก็บภาพได้ขณะที่เยาวชนหญิง อายุ 13 ปี คนหนึ่ง ล้มลงหลังสิ้นเสียงปืน อีกเข้าวิ่งเข้าไปหลบภายในบ้านพัก ก่อนทราบว่าทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บถูกกว่าศูนย์ปืนยิงเข้าที่ขาขวา 1 นัด (เสื้อดำ) อีกคนหนึ่งถูกยิงเข้าที่ก้น 1 นัด

และมีรายงานว่า ร้อยตำรวจตรีไพบูลย์ ชนูนันท์ รองสารวัตรปราบปราม สน.ท่าเรือ ถูกยิงได้รับบาดเจ็บที่มือซ้าย 1 นาย

ซึ่งหลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นบริเวณร้านขายก๋วยเตี๋ยว ภายในชุมชน พร้อมอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู เข้าช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ นำส่งโรงพยาบาล

จากข้อมูลการสอบสวนเบื้องต้นเหตุเกิดขึ้นจากตำรวจนอกเครื่องแบบ สน. ท่าเรือ พบบุคคลต้องสงสัยว่าเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีครั้งเก่า ในข้อหาพยายามฆ่า จอดรถซื้อก๋วยเตี๋ยว จึงแสดงตัวเพื่อขอเข้าตรวจค้น แต่ผู้ก่อเหตุได้ใช้อาวุธปืนที่ะกมายิงใส่ตำรวจ ได้รับบาดเจ็บ และพยายามวิ่งหลบหนีเข้าไปในชุมชน และยิงตอบโต้ตำรวจที่พยายามไล่ตาม จนทำให้เยาวชนถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บ และหลบหนีไปได้

ต่อมาตำรวจสืบทราบว่า นายบุรินทร์วิ่งเข้าไปในซอยทะลุถนนรถไฟสายเก่า แล้วเรียกใช้รถจักรยานยนต์รับจ้างมาส่งที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ถนนเกษมราษฎร์ เขตคลองเตย ตำรวจชุดปฎิบัติการพิเศษ กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 และตำรวจ ชุด ปฏิบัติการพิเศษ จึงเจ้าตรวจสอบที่ปั้มน้ำมันอีกครั้ง แต่ไม่พบตัวนายบุรินทร์

นายภัทรพล ชาลี ญาติผู้ได้รับบาดเจ็บ ที่เป็นเยาวชนอายุ 13 ปี ทั้ง 2 คน เปิดเผยว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นน้องสาว และหลานสาว ขณะเกิดเหตุได้เดินไปซื้อของที่ร้านขายของชำหน้าปากซอย แต่ขนาดเดินกลับเข้าบ้านพัก ก็ได้ยินเสียงปืนและเสียงคนตะโกนโวยวาย จึงพยายามวิ่งหลบหนีเข้าบ้าน แต่กลับถูกกระสุนปืนลูกลมยิงเข้าที่ต้นขา ล้มลง 1 คน อีกหนึ่งคนยิงถูกยิงที่ก้น ขณะนี้อยู่ในการรักษาของแพทย์ ต้องผ่าเอากระสุนออก ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่ทราบแน่ชัดว่า กระสุนปืนที่ยิงถูกผู้ได้รับบาดเจ็บ ทั้ง 2 คน เป็นของตำรวจ หรือผู้ก่อเหตุ แต่เหตุการณ์ในลักษณะนี้ไม่ควรเกิดขึ้น อยากให้ตำรวจติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี และหาคนรับผิดชอบ

ภายหลังเกิเหตุ พลตำรวจตโทนพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผู้บัญชาการประจำ สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ช่วยราชการดูแลงานสืบสวนคดีสำคัญของ กองบัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วย พลตำรวจตรีวิทวัฒน์ ชินคำ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 ได้เรียกประชุมชุดสืบสวน สอบสวน สน.ท่าเรือ กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 ชุดปฏิบัติการพิเศษ และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานตำรวจ โดยทันทีเพื่อเร่งติดตามจับตัวนายบุรินทร์ มาดำเนินคดี

พลตำรวจตรีวิทวัฒน์ เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุหลบหนีออกจากพื้นที่ไปแล้ว เนื่องจากเป็นคนในพื้นที่รู้จักทางหนีที่ไร่ในพื้นที่เป็นอย่างดี เบื้องต้นได้จัดชุดสืบสวน เร่งแกะรอยผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี

สำหรับนายบุรินทร์ ผู้ก่อเหตุ เป็นบุคคลที่มีหมายจับในคดีพยายามฆ่า โดยใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกายผู้อื่นในช่วงเทศกาลสงกรานต์เดือนเมษายน ก่อนที่ศาลอาญากรุงเทพใต้จะอนุมัติหมายจับเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ที่ผ่านมา ซึ่งทางตำรวจสน.ท่าเรือ ได้เฝ้าสังเกตการณ์ และเตรียมเข้าค้นบ้านพักในวันพรุ่งนี้ แต่เมื่อตำรวจได้รับแจ้งจากสายลับ ว่าพบความเคลื่อนไหวของนายบุรินทร์ ออกจากที่พัก จึงพยายามเข้าตรวจค้นจับกุม แต่ในบุรินทร์ ใช้อาวุธปืนที่พกติดตัวมาด้วยยิงสู้ตำรวจ จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ยิงปะทะกันเกิดขึ้น และทำให้เยาวชนได้รับบาดเจ็บ 2 คน

ส่วนลูกกระสุนที่ไปถูกประชาชน ขณะนี้ให้กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบแล้วว่าเป็นกระสุนจากของใคร เนื่องจากในขณะเกิดเหตุเป็นช่วงค่ำ ในพื้นที่ค่อนข้างมืด ซึ่งหากเป็นการผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ ก็พร้อมที่จะรับผิดชอบ ในส่วนของความเสียหายทั้งหมด

พลตำรวจตรีวิทวัฒน์ ฝากแจ้งเตือนถึงประชาชนในพื้นที่ หากพบเห็นบุคคลที่มีพฤติกรรมอันน่าสงสัย พกพาอาวุธปืนหรืออาจจะเป็นอันตรายต่อบุคคลอื่นให้แจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบโดยทันที

ส่วนเรื่องการปราบปรามอาวุธปืนในพื้นที่ ได้ระดมกวาดล้างและปราบปรามมาโดยตลอด แต่ก็ยอมรับว่ายังมีขบวนการลักลอบจำหน่ายอาวุธปืน ซึ่งหลังจากนี้จะต้องเข้มงวดในการปราบปรามอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ ที่ใกล้จะถึงนี้ด้วย

Ad 1
Ad 2