วันอังคาร, ธันวาคม 23, 2025
หน้าแรกทหารวันที่เสียงปืนชุดแรกดังขึ้น ผมรู้ทันทีว่าวันนี้จะเป็นวันที่คนทั้งหมู่บ้าน “ไม่มีวันลืมได้อีกแล้ว”

วันที่เสียงปืนชุดแรกดังขึ้น ผมรู้ทันทีว่าวันนี้จะเป็นวันที่คนทั้งหมู่บ้าน “ไม่มีวันลืมได้อีกแล้ว”

กดที่นี่เพื่ออ่านข่าว

วันที่เสียงปืนชุดแรกดังขึ้น

ผมรู้ทันทีว่าวันนี้จะเป็นวันที่คนทั้งหมู่บ้าน “ไม่มีวันลืมได้อีกแล้ว”

 

ผมประจำอยู่แนวชายแดน

เสียงปะทะระหว่างไทย–กัมพูชาดังสะท้อนเหมือนฟ้าผ่ารอบตัว

และทุกครั้งที่เสียงดังขึ้น…

หัวใจผมก็หล่นวูบ เพราะผมรู้ว่ามันหมายถึงความสูญเสียบางอย่างของประชาชนที่ผมต้องปกป้อง

 

ไม่นานชาวบ้านก็ถูกสั่งให้อพยพ

ผมเห็นคนวิ่งออกมาจากหมู่บ้านด้วยหน้าเปื้อนฝุ่นและน้ำตา

เด็กเกาะแขนแม่แน่น

คนแก่หอบหายใจจนตัวโยน

ทุกคนมีเพียงของติดตัวคนละไม่กี่ชิ้น

 

เหมือนบ้านทั้งหลังถูกทิ้งไว้เบื้องหลังในพริบตาเดียว

 

พอถึงศูนย์พักพิง

บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงสะอื้น

ผมนั่งฟังผู้ใหญ่บ้านที่เดินเข้ามาพร้อมสีหน้าของคนที่เจ็บปวดจนแทบพูดไม่ออก

เขาบอกกับทุกคนว่า…

 

“บ้านหลายหลัง… ไม่เหลือแล้วนะลูก”

 

ประโยคนั้นทำให้ทั้งเต็นท์เงียบจนได้ยินเสียงหายใจของกันและกัน

บางคนทรุดลงกับพื้น

บางคนร้องไห้จนมือสั่น

บางคนพูดออกมาคำเดียวว่า

“ของในครัวฉันยังวางอยู่บนเตาเลย…”

 

ผมรับฟังทุกคำ

และผมรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบิดแบบช้า ๆ จนแทบขาด

 

แล้วข่าวหนึ่งก็ทำให้หลายคนถึงกับร้องออกมาทันที

 

“วัวสามตัวของครอบครัวนั้น… ไม่รอดนะ”

 

วัวสามตัวนั้นชื่อ

ไอ้เหมย – แม่วัวใจดี

ไอ้คุ้ม – ตัวพี่ ซื่อสัตย์ราวกับคน

ไอ้อ้วน – ตัวเล็ก ตาใสเหมือนเด็กกำลังยิ้ม

 

พวกเขาเลี้ยงมันมาตั้งแต่เล็ก

มันไม่ใช่แค่สัตว์

แต่คือต้นทุนชีวิต

คือสิ่งที่ช่วยให้ครอบครัวหนึ่งยืนหยัดอยู่ได้

 

ตอนเจ้าของได้ยินข่าวว่า “มันตายหมด”

เธอกรีดร้องแบบคนที่หัวใจถูกกระชากออกไปตรงหน้า

ผมได้แต่นั่งข้าง ๆ กุมไหล่เธอไว้

แต่ไม่รู้จะพูดอะไร เพราะทุกคำมันเบาเกินกว่าความเจ็บที่เธอรู้สึก

 

ถัดจากนั้นไม่นาน

ชายคนหนึ่งเดินมาใกล้ผม

น้ำตาคลอเหมือนกำลังฝืนสุดชีวิต

เขาพูดเบา ๆ ว่า…

 

“ไอ้แดง… หมาผมไม่ได้เอามาด้วย

มันรอผมอยู่ที่บ้านทุกวัน

ไม่รู้มันจะเป็นยังไง…”

 

ผมแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่

เพราะภาพหมาตัวหนึ่งนั่งรอเจ้าของในบ้านที่อาจพังยับ

มันบีบใจยิ่งกว่าเสียงระเบิดใด ๆ ที่ผมเคยได้ยิน

 

บางคนพูดถึง เป็ด ไก่ในเล้า

ที่คงแตกตื่นหนีกระเจิงตอนระเบิดลง

บางคนพูดถึง ข้าวของในบ้าน รูปครอบครัว หม้อเก่า เสื้อผ้าลูก โต๊ะไม้ที่พ่อทำเอง

ของที่ไม่แพง แต่แทนทั้งความทรงจำของชีวิตคนๆ หนึ่ง

 

ค่ำคืนในศูนย์พักพิงนั้น

ผมเดินผ่านเต็นท์ทีละหลัง

ได้ยินเสียงคนสะอื้น

เสียงคนปลอบกันแบบเบา ๆ

ราวกับไม่อยากให้ความเจ็บเพิ่มขึ้นไปมากกว่านี้

 

ทุกคนถามคำเดียวเหมือนกัน…

 

“ทหารครับ… เมื่อไหร่จะได้กลับบ้าน?”

 

ผมไม่มีคำตอบ

ผมเป็นทหาร ผมถือปืน

แต่คำถามนี้ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเล็กเหลือเกิน

เล็กจนรู้สึกว่าปืนในมือยังช่วยอะไรเขาได้ไม่พอ

 

ก่อนผมจะเดินจากเต็นท์

หญิงชราคนหนึ่งจับมือผมไว้แน่นจนมือผมสั่น

เธอบอกด้วยเสียงที่พร่าเพราะร้องมาทั้งวัน…

 

“ลูกเอ้ย… ฝากพวกเอ็งช่วยให้มันจบๆทีนะ

เราอยากกลับบ้านเต็มทีแล้ว

สิ่งที่เสียไป… เราเก็บคืนไม่ได้เลย”

 

ผมยืนนิ่งอยู่นาน

เหมือนถูกตีด้วยความจริงครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต

 

และผมตอบเธอด้วยเสียงที่สั่นไม่ต่างกันว่า…

 

“ผมสัญญาครับยาย…

ผมสัญญากับชาวบ้านทุกคนตรงนี้

ด้วยน้ำตาที่ผมเองก็กลั้นไม่อยู่—

ผมจะทำทุกอย่างที่ผมทำได้

เพื่อให้พวกคุณได้กลับบ้าน

ไม่ว่าวันนั้นจะยากแค่ไหนก็ตาม”ทหารจะเอาให้จบ

 

✍️ พีระชาติ อินตา ๑๑/๑๒/๖๘

Ad 1
Ad 2