กรมชลฯ ลดระบายน้ำเขื่อนป่าสักฯ พร้อมเร่งระบายน้ำผ่านคลองลัดโพธิ์สอดคล้องระดับน้ำทะเล ลดผลกระทบพื้นที่ตอนล่าง
วันนี้ (10 พ.ย. 68) ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปริมาณฝนตก 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาสูงสุด 3 ลำดับ ได้แก่ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ปริมาณฝน 128.5 มม.
อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช ปริมาณฝน 116.0 มม. และ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ปริมาณฝน 89.8 มม. โดยปริมาณฝนตกกระจายตัวทั่วทั้งประเทศ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้
สถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยา เมื่อเวลา 06.00 น. ที่สถานีวัดน้ำ P.17 แม่น้ำปิง มีปริมาณไหลผ่าน 1,329 ลบ.ม./วินาที สถานีวัดน้ำ Y.64 แม่น้ำยม มีปริมาณไหลผ่านในอัตรา 501 ลบ.ม./วินาที และสถานีวัดน้ำ N.67 แม่น้ำน่าน มีปริมาณไหลผ่าน 1,225 ลบ.ม./วินาที ก่อนที่จะไหลมารวมกันที่จังหวัดนครสวรรค์ ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณไหลผ่านในอัตรา 2,965 ลบ.ม./วินาที ในขณะที่สถานี Ct.25 แม่น้ำสะแกกรัง มีปริมาณไหลผ่านในอัตรา 175 ลบ.ม./วินาที ก่อนที่จะไหลไปสมทบกับแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ระดับน้ำหน้าเขื่อนเจ้าพระยา ยกตัวสูงขึ้นในระดับ +17.70 ม.รทก. แนวโน้มสูงขึ้น
กรมชลประทาน ได้บริหารจัดการน้ำด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ด้วยการรับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้งสองฝั่งเต็มศักยภาพ รวม 600 ลบ.ม./วินาที ปัจจุบันปริมาณน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา อัตรา 2,800 ลบ.ม./วินาที
โดยวันนี้ได้มีการปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จากอัตรา 350 ลบ.ม./วินาที เหลือ 300 ลบ.ม./วินาที เพื่อช่วยลดผลกระทบพื้นที่ตอนล่าง
กรมชลประทาน ยังคงเดินเครื่องสูบน้ำเร่งระบายน้ำอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้ง บริหารจัดการน้ำผ่านประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ ให้สอดคล้องกับจังหวะน้ำทะเลขึ้นลง เพื่อเร่งระบายน้ำลงสู่อ่าวไทยให้เร็วที่สุด




