วันศุกร์, พฤศจิกายน 7, 2025
หน้าแรกพระราชสำนักเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร ถวายพระธรรมเทศนา เรื่อง “อัคคทานกถา” ในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสัตตมวาร (7 วัน) ถวายพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ...

เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร ถวายพระธรรมเทศนา เรื่อง “อัคคทานกถา” ในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสัตตมวาร (7 วัน) ถวายพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2568 ย่อความโดยสังเขปว่า

กดที่นี่เพื่ออ่านข่าว

เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร ถวายพระธรรมเทศนา เรื่อง “อัคคทานกถา” ในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสัตตมวาร (7 วัน) ถวายพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2568 ย่อความโดยสังเขปว่า

.

“ภูมิ เว สปฺปุริสานํ กตญฺญูกตเวทิตา : ความกตัญญูกตเวทีเป็นพื้นภูมิของคนดี” ซึ่งตลอดระยะเวลา 93 ปีนับแต่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระบรมราชสมภพ ได้ยังความเกษมสุขแก่อเนกชนนิกรเป็นอันมาก ในยามสุขทรงพากเพียรประคับประคองและยังประโยชน์ให้เพิ่มพูน ในยามทุกข์ทรงเกื้อกูลปกครองและดำเนินพระราโชบายขยายพระราชกรณียกิจไปบำบัดทุกข์ บำรุงสุข อย่างเสมอ แม้ทรงสถิตในที่สมเด็จพระอัครมเหสีในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และในที่มารดาแห่งประชาชาติไทย ซึ่งพร้อมด้วยพระราชอิสริยยศ พระราชอิสริยศักดิ์ พระองค์ทรงไม่ได้มัวเมาลุ่มหลงในพระลาภ แต่กลับทรงเสียสละทุ่มเทพระราชทานไปไม่รู้หยุดเพื่อชุบชีวิตมนุษย์ สัตว์ หรือแม้แต่พืชพันธุ์ธัญญาหารให้ปลอดจากภัยอันตราย โอบอุ้มสรรพชีวิตทั้งหลายที่อ่อนแอให้กลับมามีกำลังแกร่งกล้า เพื่อแก้ไขบรรเทาอุปสรรคปัญหาด้วยพระปัญญาบารมี ทรงประเสริฐสมเป็นราชนารีรัตน์ มีพระราชมนัสเลื่อมใสในพระรัตนตรัยอย่างมั่นคง ทรงพระสติปัญญาเป็นสัมมาทิฏฐิ จึงทรงกอบพระราชกิจจานุกิจด้วยเหตุผลอันชอบธรรม มิได้เป็นไปตามอำเภอพระราชหฤทัย ทรงพระเมตตาอาทรยิ่งใหญ่เหลือคณานับ ทรงประคับประคองสนองพระราชภาระของพระราชสวามีด้วยความซื่อสัตย์กตัญญูกตเวทีมิห่างหาย ทรงเป็นแบบอย่างของสตรีไทยในทุกด้าน มีพระราชจริยาการที่อ่อนหวาน ละมุนละไม เติมธารน้ำใจให้พสกนิกรถ้วนหน้า ทรงบริบูรณ์ด้วยมหาปณิธานเยี่ยงจรรยาแห่งพระโพธิสัตว์ ซึ่งมุ่งจะรื้อขนสรรพสัตว์ให้ล่วงพ้นจากความทุกข์ที่ห่อหุ้ม มุ่งพลิกแผ่นดินแห้งแล้งให้ชุ่มชื่นด้วยหยาดทานจากพงไพร ทรงแผ่พระกรุณาเสมอไปเป็นอาจิณ มหาชนทั้งแผ่นดินจึงเคารพบูชาพระองค์ด้วยจิตจำนงค์ประหนึ่งเพ่งมองไปยังมหาโพธิสัตว์ ความเป็นพระโพธิสัตว์นี้ต้องอาศัยการสั่งสมบำเพ็ญพระบารมีเป็นอเนกนัย

.

ทานบารมี หมายถึง บารมีจากการบริจาคเพื่อสงเคราะห์ผู้ขาดแคลน เพื่อสงเคราะห์ผู้ที่ควรสงเคราะห์ เป็นการประพฤติตัดเสียซึ่งความตระหนี่ คือ ความเห็นแก่ประโยชน์ตน เมื่อบริบูรณ์แล้วย่อมนำอำนวยผลทั้งผู้ให้และผู้รับโดยไพบูลย์ เหตุฉะนี้ การบำเพ็ญทานจึงเป็นพื้นฐานแห่งธรรมะขั้นสูงระดับปรมัตถ์ ทั้งยังมีอานิสงส์เด่นชัด ดังพุทธพจน์ที่ว่า “อคฺคทายี วรทายี เสฏฺฐทายี จ โย นโร ทีฆายุ ยสวา โหติ ยตฺถ ยตฺถูปปชฺชติ : ผู้ให้สิ่งที่เลิศ ให้สิ่งที่ดี ให้สิ่งที่ประเสริฐ ย่อมเป็นผู้มีอายุยืนมียศในภพที่ตนเกิด” โดยสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงจำแนก “ทาน” ออกเป็น 2 ประการ คือ “วัตถุทาน” การให้พัสดุสิ่งของ และ “ธรรมทาน” คือ การให้ธรรมะ คือการชี้แจงแสดงโอวาทสั่งสอนแนะนำโดยประการต่าง ๆ เพื่อให้บังเกิดความพ้นทุกข์ ข้อพึงสังเกต คือ การบำเพ็ญทานบารมียังสามารถจำแนกได้เป็น 3 ระดับ ขั้นต่ำ คือ ให้สิ่งของภายนอกกาย ขั้นกลาง คือ ยอมสละได้แม้อวัยวะ ขั้นปรมัตถ์ (สูงสุด) คือ แม้ชีวิตก็ให้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ทานจึงยังเป็นสิ่งหนึ่งในทศพิธราชธรรมที่ผู้ที่ปฏิบัติราชธรรมในฐานะผู้ปกครองหรือเป็นผู้ใหญ่ นอกจากจะเอื้ออาทรแบ่งปันพัสดุสิ่งของให้แก่ผู้อยู่ใต้ปกครองบังคับบัญชาแล้ว การให้ความรู้ ความคิด และหนทางดำเนินชีวิตที่ถูกที่ควร ย่อมเป็นประการสำคัญมิยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เสมือนมารดาถนอมเลี้ยงบุตรย่อมพึงสั่งสอนอบรมบุตรด้วยน้ำใจ เปี่ยมด้วยเมตตากรุณาเป็นที่ตั้ง ความล้ำเลิศสูงสุดของทานบารมีย่อมได้แก่การละความยึดถือตัวตน ความเป็นเขาเป็นเราให้สิ้นเชิงไปจากใจ อันหมายถึงเป้าหมายสูงสุดแห่งการปฏิบัติธรรมะ เพื่อความหลุดพ้นในทางพระบวรพุทธศาสนา

.

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มิได้เพียงพระราชทานจตุปัจจัยภายนอกแก่มหาชนทั้งปวงแต่สถานเดียว หากยังทรงพระมหากรุณาพระราชทานอาชีพ การศึกษา โอกาส และหนทางการดำเนินชีวิต ด้วยโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำรินานัปการอันเปรียบกับปาน “ธรรมทานอันมีอานิสงส์สูงกว่าวัตถุทาน” สรรพวิชาที่พระราชทานให้ไม่ใช่เพียงแค่การอ่านออกเขียนได้ แต่เป็นความรู้ทั้งภาคทฤษฎีและประสบการณ์ตรงในทางปฏิบัติ ที่จะอำนวยกิจประสงค์แก่ผู้ต้องการได้โดยตรง ให้เขายืนหยัดมั่นคงพบแสงสว่างแห่งชีวิตได้ด้วยตนเอง จากประทีปที่ทรงจุดพระราชทานไว้ทั่วทุกมุมพระราชอาณาเขตพระราชอาณาจักรเช่นนี้ คือการรื้อขนสรรพสัตว์ให้ข้ามจากความทุกข์ ตื่นในความตื่นรู้ อันเป็นเมล็ดพันธุ์เดิมของชีวิตให้ผลิดอกออกผล ทรงยอมทนลำบากตรากตรำพระวรกายเพื่อให้ได้มาซึ่งความผาสุกของผู้อื่น ดังเช่นพระโพธิสัตว์บำเพ็ญฉันใดพระราชจริยาของสมเด็จพระบรมราชินีนาถแห่งราชอาณาจักรไทยก็เป็นฉันนั้น ซึ่ง “ทาน” ที่ทรงบำเพ็ญมาโดยตลอดนั้น ไม่ได้ทรงแจกจ่ายโดยไร้กุศโลบาย หากเป็นไปอย่าง “ทานวิจัย” คือทรงใคร่ครวญดีแล้วจึงทรงบำเพ็ญเป็นการเลือกเฟ้นด้วยพระปัญญาญาณ ดังพระราชดำรัสสอนข้าราชบริพารไว้ว่า “อย่าดูฐานะหรือความเดือดร้อนของเขาจากการแต่งกาย เพราะบางคนเมื่อมีโอกาสเข้าเฝ้า จะเลือกเอาชุดที่สวยที่สุดมาแต่ง แต่ให้ดูที่แววตาของเขา เพื่อจะรู้ว่ามีความทุกข์เดือดร้อนเพียงไร” แม้แต่คนที่มีเงื่อนไขจำเพาะบกพร่องทางร่างกายก็ทรงรับไว้ในพระราชานุเคราะห์และพระราชทานพระราชอรรถาธิบายว่า “ตาและมือของเขายังใช้ได้ดี” พระราชญาณทัศนะเช่นนี้ย่อมถูกสั่งสมสืบมาในอดีตชาติเป็นเพราะวาสนาสมบัติชายชักอยู่ในพระองค์

.

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเป็นแบบอย่างของชาวโลกในด้านมนุษยธรรม ทรงเป็นผู้ให้อย่างไม่มีประมาณ ไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา ไม่มีคำว่า ฐานะสูงต่ำ ไม่รังเกียจเดียดฉันว่าพวกเขา พวกใคร จะทรงปัดเป่าความทุกข์ของผู้คนทั้งหลายให้มลายไป มิได้ทรงนำความเป็นตัวตนถือพระองค์ว่าทรงกระทำไปเพื่อสุขของพระองค์ เมื่อบุคคลใดกระทำการสละได้โดยปราศจากอัตตาตัวตนครบเกี่ยวข้องย่อมไม่รู้สึกว่า เสียสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป กลับเห็นว่า “สุขประโยชน์ของผู้อื่นคือสุขประโยชน์อันเดียวกับของผู้ให้” ดังนั้น อัตตาตัวตน ความยึดมั่นถือมั่นก็ค่อย ๆ จางคลายไป เมื่อบำเพ็ญทานอยู่เป็นนิจ ดวงจิตก็จะปราศจากความโลภ อยากได้อยากมี ปราศจากความโกรธเคือง เพราะตั้งใจไว้ด้วยความปรารถนาดีต่อผู้รับเป็นสำคัญ เมื่อนั้นการละวางตนลงได้ย่อมบังเกิดขึ้น เป็นแสงสว่างแห่งปัญญา ปราศจากโมหะความเขลาอันมืดมนทั้งปวง เมื่อดวงจิตปราศโลภ โกรธ และหลง ด้วยเหตุสู่การสละได้ในเบื้องปลายแล้ว เมื่อนั้นฐานะอันประเสริฐย่อมบังเกิดปรากฏเป็นอมฤตบทสุดท้ายแห่งนฤพาน

.

ย้อนรำลึกไปถึงสมัยหนึ่ง แม้นผู้ตกทุกข์ได้ยากจะมิใช่ราษฎรไทย แต่เป็นพลเมืองของประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนอยู่ติดด้านทิศตะวันออก เมื่อเขาหนีร้อนมาพึ่งเย็น ไม่รู้ว่าจะเป็นหรือตายในวันนี้วันพรุ่ง จำต้องเดินเท้าฝ่าป่าดงรกชัฏ ข้ามภูเขาหลั่งไหลอพยพเข้ามาสู่พื้นที่จังหวัดตราด อย่างคนบ้านแตกสาแหรกขาด เมื่อความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง สภานายิกาสภากาชาดไทย ก็ทรงรีบรุดเสด็จพระราชดำเนินบุกบั่นเข้าไปชุบชีวิตผู้คนเหล่านั้นในทันที โดยมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผู้พระราชปิโยรสทรงเป็นราชองครักษ์ผู้องอาจแม้มีภัยอันตรายอยู่รอบด้าน แต่ด้วยพระราชการุณย์ไม่มีประมาณ ก็จงยอมเสี่ยงภัยถึงขั้นว่า “แม้พระชนม์ชีพก็ยอมพลีเข้าแลกได้ เพื่อเชิดชูรักษาไว้ซึ่งมนุษยธรรม” น้ำพระราชหฤทัยอันเปี่ยมด้วยอุดมการณ์เยี่ยงนี้ ยากจะหาได้อีกในที่ใดในโลก ชาวโลกต่างสรรเสริญพระกฤษฎาบุญบารมี ว่าทรงพระอิทธิคุณเหนือมนุษย์สามัญจะทำได้ ต่างพากันถวายราชสดุดี ทรงเป็นผู้ให้ “ให้โดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง” เป็นทิฏฐานุคติในทางมนุษยธรรมของโลกอารยะ

.

พลเอก พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ ได้ประทานพระโอวาทไว้แก่พระธิดาเมื่อทรงเป็นพระคู่หมั้นในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล ว่า “หนูต้องจำอะไรไว้อย่างหนึ่ง หนูต้องแผ่เมตตาอย่างเดียว ตำแหน่งของหนูคือให้อภัยทานเป็นทานสูงสุด” นับแต่วันนั้นจวบถึงวาระสุดท้ายแห่งพระชนม์ชีพจึงทรงเปี่ยมด้วยทานบารมีมิคลาดเคลื่อนไปจากพระโอวาทของพระบิดา ทรงบำเพ็ญอภัยทานอย่างยิ่งยวด ได้พระราชทานชีวิตใหม่ให้คนหมดสิ้นไร้หนทาง พระราชทานชุบชีวิตคนใกล้ตายให้มีชีวิตยืนยาวต่อไป พระราชทานอารักขาให้แก่สิงสาราสัตว์น้อยใหญ่ในธรรมชาติ พระราชทานอภัยปลดโทษแม้ผู้ล่วงเกินพระองค์ พระราชทานความร่มเย็นเป็นสุขแก่ทุกชีวิต ทั้งคน สัตว์ และพืชบนแผ่นดินไทย พระราชทานเผื่อแผ่ให้แม้แก่ชีวิตอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ข้าขอบขันธสีมา

.

การวางพระราชหฤทัยในธรรมข้อความเสียสละและข้อละตัวตนของพระองค์นั้นปรากฏชัด สะท้อนจากพระราชดำรัสหลายต่อหลายครั้งมาโดยตลอดว่า มิได้ทรงยึดถือว่าการที่ทรงประพฤติปฏิบัตินั้นเป็นไปบนพื้นฐานของความมีมานะถือตัวตนว่า เป็นผู้อยู่เหนือใครต่อใคร ไม่ได้ทรงถือทิฏฐิว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ให้ หากแต่ทรงถือว่าพระองค์ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเพื่อตอบแทนบุญคุณและน้ำใจของประชาชนที่ล้วนมีต่อพระองค์และสถาบันมหากษัตริย์ ดังพระราชดำรัสตอนหนึ่งว่า “บัดนี้ข้าพเจ้าจึงได้ชื่อว่าที่ประชาชนแสดงความรัก ความจงรักให้เห็นนั้นเป็นจริงใจทั้งสิ้น อันนี้เป็นอันหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งว่า เราต้องตอบแทนความรักของประชาชนด้วยการกระทำมากกว่าคำพูด ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่จะบำบัดความทุกข์ของเขา เพราะเขาเป็นหลักพึ่งพาของพระมหากษัตริย์ตลอดมา ประชาชนเป็นมิตรของพระมหากษัตริย์ มิตรนี่ให้ความหมายที่แท้จริง คือ ผู้ที่เอื้อเฟื้ออย่างกว้างขวาง คอยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลืออย่างลึกซึ้งกว้างขวาง และพระมหากษัตริย์ก็ไม่เป็นภัยแก่ประชาชน”

.

พลวเหตุอันเชิดชูพระองค์ให้ทรงเป็นที่หมายแห่งความจงรักภักดีได้โดยจริงใจ ก็คือ “พระสังคหธรรม” มีข้อ “ทาน” เป็นอาทิ เพราะเหตุนั้น บัณฑิตพึงพิจารณาเห็นการให้เป็นธรรมะอันพึงประกอบไว้โดยชอบและโดยสมควร บุคคลผู้เข้าใจในอุบายสงเคราะห์ประพฤติเหมาะแก่บุคคลและกาลสมัยย่อมเจริญด้วยบริวารและยศใหญ่มีกำลังอานุภาพมากเป็นเครื่องตั้งมั่นแห่งตนและเป็นที่พึ่งแห่งชนทั้งหลาย สมด้วยภาษิตอันแปลความว่า อุปมาดุจต้นไม้ใหญ่มีรากหยั่งลงมั่นในพระสุธา ตั้งลำต้นแตกสาขาผลิดอกออกผล ย่อมเป็นที่พึ่งของฝูงวิหคในราวป่าต่างพากันเข้าอาศัยใครต้องการร่มเงาก็เข้าจับ ต้องการผลก็บริโภคได้เช่นนั้น ซึ่งสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ทรงบรรลุถึงฐานะอันเลิศทุกสถานในพระชาตินี้ กล่าวคือ 1. สมเด็จพระบรมราชินีในสมเด็จพระนวมินทรมหาราช 2. สมเด็จพระบรมราชชนนีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ 3. แม่ของแผ่นดินสำหรับลูกไทยทั้งชาติ ทรงเป็นศูนย์รวมของการรวมใจจงรัก เป็นที่หมายแห่งความภักดีบูชาอย่างจริงใจ เป็นบทพิสูจน์แห่งพระพุทธานุศาสนีที่ว่า “ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก” เสมือนแม้นร่มโพธิ์ไทรต้นใหญ่ใบหนา อันเป็นที่รักแห่งฝูงวิหคนกกา เผื่อแผ่กิ่งก้านสาขาให้ได้พึงพำนักโดยเสมอหน้า

.

แม้บัดนี้ร่มโพธิ์ใจต้นแม่นั้นจะลานล้มโค่นลงตามวัยธรรมโดยสมมติแห่งสังขารขันธ์ แต่เมล็ดพันธุ์แห่งพระราชสัตยาธิษฐานทั้งนั้นได้ถูกปลูกไว้แล้ว กระทั่งเติบโตเป็นลูกต้นใหม่ใต้ต้นแม่ ยืนหยัดอย่างมั่นคงบนแผ่นดินไทย ขอปวงร่มโพธิ์ไทร คือ ดวงพระราชหฤทัยอันเต็มเต็มเปี่ยมด้วยพระราชปณิธานและพระราชธรรมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ผู้เป็นพระกุลทายาททุกพระองค์ จงเอิบอาบด้วยภาพพิมพ์แห่งพระราชจริยาของสมเด็จพระราชบุพการี กระชับมั่นเป็นขัตติยพันธกรณีที่ยืนยงสถาพร เป็นนวมินทราชิยานุสรณ์ซึ่งสมณพราหมณาจารย์ และอาณาราษฎรถ้วนหน้า จะได้ขอพระราชทานอาศัยพระบรมเดชานุภาพและพระราชธรรมจริยาเดชานุภาพเป็นเครื่องบริบาลให้เย็นศิระสืบไปตลอดกาลนาน.

พระบรมฉายาลักษณ์จาก เพจพระลาน

Ad 1
Ad 2