วันศุกร์, พฤศจิกายน 7, 2025
หน้าแรกภูมิภาคเกตธิดา มั่นวงค์ สาวอุบลฯ ทำ “ข้าวเม่า” ขาย โกยรายได้เดือนละแสนบาท

เกตธิดา มั่นวงค์ สาวอุบลฯ ทำ “ข้าวเม่า” ขาย โกยรายได้เดือนละแสนบาท

กดที่นี่เพื่ออ่านข่าว

เกตธิดา มั่นวงค์ สาวอุบลฯ ทำ “ข้าวเม่า” ขาย โกยรายได้เดือนละแสนบาท

ข้าวเม่า เป็นอาหารว่างอย่างหนึ่งที่มีกลิ่นหอม รสอร่อย มีขายอย่างกว้างขวาง เมื่อรับประทานแล้วจะรู้สึกอิ่มท้องได้นานเหมือนกับการรับประทานข้าว จึงทำให้ข้าวเม่าเป็นที่นิยมรับประทานในหมู่คนทั่วไป โดยเฉพาะทางภาคอีสานที่เป็นแหล่งกำเนิดของข้าวเม่า นิยมรับประทานกันเป็นอย่างมาก ชาวนาเชื่อกันว่า การทำข้าวเม่า นอกจากทำเพื่อรับประทานแล้ว ในสมัยโบราณชาวบ้านยังทำเพื่อเซ่นไหว้ผี (ผีตาแฮก) ที่ดูแลไร่นา รักษาต้นข้าว ทำให้ต้นข้าวออกรวงอุดมสมบูรณ์มีผลผลิตที่ดี

ในปัจจุบันนอกจากจะทำข้าวเม่าตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวข้างต้นแล้ว ชาวบ้านยังทำเพื่อจำหน่ายเป็นรายได้เสริมยามเว้นว่างจากการทำนา(ในช่วงเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน) โดยมีทั้งรวมตัวกันทำเป็นกลุ่ม บ้างก็ทำกันเองภายในครอบครัว แต่ที่แน่ๆทุกกลุ่มหรือทุกครอบครัวที่ทำข้าวเม่าขายจะสร้างรายได้แตะหลักแสนหรือมากกว่านั้นต่อเดือนกันเลยทีเดียว  จนสามารถปลดหนี้และมีฐานะความเป็นอยู่ดีขึ้นกว่าเดิม

นาง เกตธิดา มั่นวงค์ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 200 หมู่ที่ 3 บ้านดอนงัว ตำบลไหล่ทุ่ง อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี เป็นอีกผู้หนึ่ง ที่ทำข้าวเม่าขาย สร้างรายได้ในยามว่างเว้นจากการทำนา โดยคุณเกตธิดา เล่าว่า ตนเองและสามีคือนายอ่อนสา ทาดี อายุ50ปี  มีอาชีพหลักคือทำนา ต่อมาก็ประกอบอาชีพเสริมอื่นๆ เช่น ออกงานจัดสวนสนุกให้เด็กๆได้เล่นตามงานต่างๆ เคยผ่านการทำมาค้าขายหลายอย่าง จนกระทั่งมาทำข้าวเม่าขาย โดยทำมา 20 กว่าปีแล้ว เนื่องจากเห็นคนอื่นทำแล้วมีรายได้ดี จึงชวนสามีทำดูบ้าง โดยทำในช่วงที่ว่างเว้นจากการทำนา (ช่วงเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน)โดยมีลูกสาวอีก 2 คน ช่วยเหลือในวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ ส่วนข้าวที่นำมาทำข้าวเม่านั้น ต้องไปซื้อตามหมู่บ้านริมแม่น้ำมูลที่อำเภอดอนมดแดง จังหวัดอุบลราชธานี เพราะทางนั้นเขาจะปลูกข้าวก่อน ข้าวจึงออกรวงและมีเม็ดแก่พอเหมาะกับการทำข้าวเม่าในช่วงเดือนสิงหาคม พอถึงเดือนกันยายน-ตุลาคม ก็จะหันมาซื้อข้าวในละแวกหมู่บ้านของตนเอง

นาง เกตธิดา มั่นวงค์ เล่าอีกว่า  ราคาข้าวเม่าที่ขายก็คือ ขายส่ง กิโลกรัมละ 120 บาท  ขายปลีก กิโลกรัมละ 140 – 150 บาท โดยในช่วงหลังมานี้ตนจะทำขายส่งอย่างเดียว เนื่องจากมีแม่ค้าในหมู่บ้านเดียวกันมาซื้อไปขายที่ตลาดในตัวอำเภอตระการพืชผลทุกวัน เรื่องตลาดจำหน่ายจึงไม่มีปัญหา อีกทั้งตนและสามีได้เปิดขายออนไลน์ด้วย ก็จะมีการแพ็คสินค้าเพื่อส่งต่างจังหวัด ทำให้มีลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากจนผลิดไม่ทัน

เมื่อถามถึงเรื่องของรายได้ นางเกตุธิดา มั่นวงค์ บอกว่า ถ้าเราซื้อข้าวจากคนอื่นมาทำ จะมีรายได้ตกวันละ 2-3 พันบาท แต่ถ้าเอาข้าวในนาตัวเองทำรายได้จะดีหน่อยคือตกวันละ 4-5พันบาท  เดือนหนึ่งๆ ก็ตกประมาณ 90,000 – 150,000 บาท ถ้ามีแรงทำมากกว่านี้ ก็จะมีผลตอบแทนมากกว่านี้ บางคนบางครอบครัวเขามีแรงงานภายในบ้านหลายคน ก็จะผลิตข้าวเม่าได้เยอะ เขาก็จะมีกำไรมากกว่าตน หากท่านใดต้องการซื้อข้าวเม่าจากตนเองโดยตรง ก็สามารถโทร.สั่งได้ โทร. (061) 692-7179 ข้าวเม่าของตน รสชาติอร่อย นุ่ม หอมหวาน เก็บไว้ได้นานวันอีกด้วย

คุณเกตธิดา มั่นวงค์ ได้เล่าถึงกรรมวิธีขั้นตอนการผลิตข้าวเม่า ว่า เมื่อปักดำนาเสร็จ พอถึงเดือนสิงหาคม ก็จะไปหาซื้อข้าวที่ออกรวงแล้ว โดยไปซื้อที่อำเภอดอนมดแดง จังหวัดอุบลราชธานี ห่างจากบ้านประมาณ 30 กิโลเมตร ที่นี่เขาทำนาปีละ 2 ครั้ง จึงมีข้าวที่พร้อมทำข้าวเม่าก่อนหมู่บ้านอื่น ส่วนข้าวในนาของพวกตนเองนั้นยังไม่ออกรวง และข้าวที่นำมาทำข้าวเม่า คือข้าวเหนียว ซึ่งทำได้ทุกสายพันธุ์ ก่อนซื้อก็จะแกะเมล็ดข้าวดูว่า พอที่จะทำข้าวเม่าได้หรือยัง ซึ่งเมล็ดข้าวที่จะเอามาทำข้าวเม่าจะต้องไม่แก่หรืออ่อนจนเกินไป เมื่อซื้อมาแล้วก็จะเลือกเอาเมล็ดข้าวที่ไม่สมบูรณ์ (เมล็ดข้าวลีบ) ออก ค่อยลงมือทำตามขั้นตอนคือ ขูดข้าวเม่าด้วยไม้ไผ่ที่เหลา บางๆ ยาวประมาณ 5 นิ้ว ใช้กระด้งรองข้าวที่ขูด แต่ในปัจจุบันได้ใช้เครื่องขูด จากนั้นนำไปนึ่ง ประมาณ 30 นาที แล้วเอามาคั่วจนมีกลิ่นหอม จึงนำไปตำด้วยครกมอง (ครกกระเดื่อง) ปัจจุบันใช้เครื่องยนต์รถอีแต๋น หรือรถไถนาเดินตาม ตำแทนแรงงานคน และ ใช้เครื่องจักรพ่วงไม้คนข้าวในครกแทนแรงงานคนเช่นเดียวกัน แต่บางครั้งก็ยังใช้แรงงานคนทำการคนข้าวในครกขณะที่ตำ

ขั้นตอนการตำนี้จะมี 3 ขั้นตอน เรียกว่า ขั้นตำ คือทำให้เมล็ดข้าวกะเทาะออก แล้วนำมาร่อนรำออก ตามด้วยการฝัดเอาแกลบออก ต่อไปก็เป็นขั้นต่าว หรือเรียกว่าตำครั้งที่ 2 ตำเสร็จก็ร่อนรำร่อนแกลบออกเช่นเดิม และตำขั้นสุดท้าย เรียกว่า ขั้นซ้อม ปิดท้ายด้วยร่อนรำร่อนแกลบออก ซึ่งการตำแต่ละครั้งนั้น จะใช้เวลาประมาณ 20 นาที เมื่อทำเสร็จก็จะเอาใบกล้วยและใบตองชาด มารองหรือห่อ เพื่อรักษาความนิ่มของข้าวเม่า หากเก็บในภาชนะอื่น ข้าวเม่าจะแข็งตัวเร็ว และไม่มีกลิ่นหอม

เนื่องจากขั้นตอนการทำยุ่งยาก ในปัจจุบันนี้ พวกตนเองจึงได้พัฒนาการผลิตเพื่อให้เกิดความรวดเร็ว ทันต่อความต้องการของผู้บริโภค โดยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วย คือการใช้เครื่องจักรกลแทนคน แต่เวลาตำก็ใช้ครกมองเช่นเดิม เพียงแต่ใช้เครื่องยนต์ของรถไถนาเดินตาม มาต่อพ่วงให้ตำแทนคน โดยใช้เครื่องยนต์ติดตั้งที่หางครก ใช้ระบบสายพานคล้ายกับโรงสีข้าว เชื่อมโยงใส่กับครกมอง พอเปิดเครื่องยนต์ขึ้น ครกก็จะกระดกขึ้นลงเหมือนคนตำ แต่ทำให้เมล็ดข้าวแตกได้ในเวลาที่รวดเท่านั้น

นับได้ว่า คุณเกตธิดา มั่นวงค์ และ นายอ่อนสา ทาดี ผู้เป็นสามี เป็นเกษตรกรที่สู้ชีวิต พิชิตความยากจนได้สำเร็จด้วยการทำข้าวเม่าขายสร้างรายได้หลักแสนต่อเดือน เป็นการพัฒนานำภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีมาแต่สมัยโบราณ ที่ทำเพียงเพื่อบริโภคในครัวเรือนมาสร้างรายได้ให้ครอบครัวอย่างงดงาม อีกทั้งเป็นการสืบทอดและอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทยให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้อีกด้วย นับเป็นเกษตรกรตัวอย่างที่ควรค่าแก่การยกย่องยิ่งนัก  หากท่านใดต้องการไปศึกษาดูงานการทำข้าวเม่าเงินแสน ก็ติดต่อคุณเกตธิดาและสามีได้ตามที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ข้างต้นได้ทุกวัน.

///////////////////////////////////////////    กิตติภณ / รายงาน.

Ad 1
Ad 2