ปิดสวิทซ์บริษัท “ประกันเถื่อน” รับเคลมรถมือสอง พบเหยื่อเกือบ 500 ราย ฮุบเบี้ยประกันกว่า 30 ล้านบาท
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ร่วมกันจับกุม
1. นายอัศนัย สงวนนามสกุล อายุ 36 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 4976/2568 ลง
วันที่ 29 สิงหาคม 2568
2. นางสาวณัฐปภัสร์ สงวนนามสกุล อายุ 42 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 4974/2568 ลง
วันที่ 29 สิงหาคม 2568
3. นายพัศพงศ์ สงวนนามสกุล อายุ 26 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 4975/2568 ลง
วันที่ 29 สิงหาคม 2568
ฐานความผิด “ร่วมกันเป็นผู้รับประกันภัยโดยไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันภัย,นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อเดือนพฤษภาคม 2568 สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้ประสานความร่วมมือมายังตำรวจสอบสวนกลาง กรณีที่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหายที่ซื้อรถยนต์จากเต็นท์รถมือสองย่านบางแคและนนทบุรี โดยมีการเสนอแพคเกจที่เรียกว่า “ประกันสุขภาพรถยนต์/รับประกันคุณภาพรถยนต์มือสอง” ของ บริษัท มายคาร์ เซอร์วิส พลัส 1989 จำกัด เพื่อรับประกันอะไหล่รถยนต์มือสองของลูกค้า เรียกเก็บค่าเบี้ยประกัน 28,000 บาท หลังจากผู้เสียหายบางรายซื้อรถไปแล้วไม่นาน ปรากฏว่ารถเกิดอาการผิดปกติ เช่น เครื่องยนต์สะดุด ระบบเกียร์มีปัญหา ระบบหัวฉีดขัดข้อง จึงได้นำรถยนต์ไปซ่อมที่อู่ในเครือ ปรากฎว่าบริษัทปฏิเสธความรับผิดชอบ ไม่รับเคลมโดยอ้างว่าราคาสูงเกินมาตรฐานและอยู่นอกเงื่อนไขความคุ้มครอง กลุ่มผู้เสียหายจึงได้เข้าร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)
พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ. ได้สั่งการให้ กก.4 บก.ปอศ. สืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าว พบว่า บริษัท มายคาร์ เซอร์วิส พลัส 1989 จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อปี 2565 มีนายอัศนัยฯ,นางสาวณัฐปภัสร์ฯ และนายพัศพงศ์ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท มีพฤติกรรม เสนอขายแพคเกจ “ประกันสุขภาพรถยนต์/รับประกันคุณภาพรถยนต์มือสอง” ผ่านทางเต็นท์รถมือสองต่างๆ กว่า 20 เต็นท์
อ้างว่ามีอู่ในเครือข่ายกว่า 200 แห่ง เรียกเก็บเบี้ยประกันตั้งแต่ 9,000 – 100,000 บาท ให้ความคุ้มครองสูงสุด 300,000 บาท ซึ่งลักษณะการกระทำดังกล่าว เป็นการเรียกเก็บผลตอบแทน เพื่อคุ้มครองความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต อันมีลักษณะเป็นการ “รับประกันภัย” ซึ่งจะต้องได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยจากการตรวจสอบไม่พบว่าบริษัท มายคาร์ เซอร์วิส พลัส 1989 จำกัด ได้รับใบอนุญาตการประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังพบว่าบริษัทมีการเผยแพร่คลิปโฆษณาผ่านเพจเฟซบุ๊ก “MY CAR Service PLUS” ปรากฎคลิปชายไทยอ้างตนเป็นเจ้าของรถยนต์ BMW นำรถยนต์ของตนไปซ่อม โดยได้รับความคุ้มครองจากประกันสุขภาพรถยนต์ของบริษัทผู้ต้องหาโดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม จากการสืบสวนพบว่า ชายคนดังกล่าวมีอาชีพเป็นแมสเซ็นเจอร์ ได้รับการว่าจ้างจากนายอัศนัยฯ กรรมการของบริษัท ให้ถ่ายคลิปโฆษณาแลกเงินค่าจ้าง จำนวน 500 บาท โดยไม่ใช่เจ้าของรถยนต์ BMW ภายในคลิป และไม่เคยทำประกันสุขภาพรถยนต์กับบริษัทผู้ต้องหาแต่อย่างใด
จากการตรวจสอบข้อมูลทางการเงิน พบเงินหมุนเวียนที่น่าเชื่อว่ามาจากการการเรียกเก็บเบี้ยประกันจากผู้เอาประกัน 259 ราย และกลุ่มเต็นท์รถคู่สัญญา จำนวน 52 ราย รวมมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท โดยมีการโอนเงินต่อไปยังบัญชีธนาคารส่วนตัวของกรรมการทั้ง 3 รายไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว โดยไม่มีการจัดการกองทุนความเสี่ยงหรือกันเงินสำรองค่าสินไหมตามหลักการดำเนินธุรกิจประกันภัยพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ยื่นคำร้องขอหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ในความผิดตาม พระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ.2535 และ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปอศ. ได้นำหมายค้นเข้าตรวจค้นเป้าหมาย 2 จุด ซึ่งเป็นที่ตั้งบริษัทผู้ต้องหาอยู่ในพื้นที่ เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร และ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร จนนำไปสู่การจับกุมตัวนายอัศนัยฯ, นางสาวณัฐปภัสร์ฯ และนายพัศพงศ์ กรรมการของบริษัท พร้อมทั้งเข้าตรวจสอบเต็นท์จำหน่ายรถยนต์มือสอง จำนวน 2 แห่ง ย่านบางแคและนนทบุรี ผลการตรวจค้นบริษัทผู้ต้องหาพบว่ามีที่ตั้งเป็นทาวน์โฮมไม่มีพนักงานและการประกอบกิจการแต่อย่างใด จึงได้ตรวจยึดพยานหลักฐานและเอกสาร เช่น เอกสารการโฆษณา, ใบตรวจสภาพรถยนต์, สมุดคู่มือการเอาประกันภัยและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการของบริษัทผู้ต้องหา โดยน่าเชื่อว่ามีประชาชนหลงเชื่อทำกรมธรรม์ เกือบ 500 ราย อีกทั้งยังพบว่าบริษัทผู้ต้องหามีการออกใบรับรองการตรวจสภาพรถยนต์และตารางกรมธรรม์ ซึ่งโดยปกติจะต้องได้รับความเห็นชอบจากเลขาธิการ สำนักงาน คปภ. เพื่อให้สัญญาเป็นธรรมกับคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย ภายใต้หลักการประกันภัย โดยพฤติการณ์การออกกรมธรรม์ทั้งที่บริษัทไม่ได้รับอนุญาตและการโฆษณาดังกล่าว อาจทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่าบริษัทผู้ต้องหาได้รับอนุญาตให้เป็นผู้เอาประกันภัยตามกฎหมาย ซึ่งการที่บริษัทผู้ต้องหาปฏิเสธความคุ้มครองและผลักภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้เอาประกัน เป็นประกันภัยที่ชอบด้วยกฎหมาย ส่งผลให้เกิดความเสียหายแก่ผู้บริโภคในวงกว้าง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จับกุมตัวกรรมการบริษัททั้ง 3 ราย นำส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การภาคเสธ โดยรับว่าบริษัท มายคาร์ เซอร์วิส พลัส 1989 จำกัด ของตนได้เปิดบริษัทเพื่อดำเนินธุรกิจรับรองคุณภาพกับเต็นท์รถยนต์มือสอง รวมทั้งให้บริการซ่อมบำรุงและเซอร์วิสรถยนต์สำหรับรถจากเต็นท์รถยนต์มือสอง