วันเสาร์, กันยายน 6, 2025
หน้าแรกอาชญากรรมปิดสวิทซ์บริษัท “ประกันเถื่อน” รับเคลมรถมือสอง พบเหยื่อเกือบ 500 ราย ฮุบเบี้ยประกันกว่า 30 ล้านบาท

ปิดสวิทซ์บริษัท “ประกันเถื่อน” รับเคลมรถมือสอง พบเหยื่อเกือบ 500 ราย ฮุบเบี้ยประกันกว่า 30 ล้านบาท

กดที่นี่เพื่ออ่านข่าว

ปิดสวิทซ์บริษัท “ประกันเถื่อน” รับเคลมรถมือสอง พบเหยื่อเกือบ 500 ราย ฮุบเบี้ยประกันกว่า 30 ล้านบาท

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ร่วมกันจับกุม
1. นายอัศนัย สงวนนามสกุล อายุ 36 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 4976/2568 ลง
วันที่ 29 สิงหาคม 2568
2. นางสาวณัฐปภัสร์ สงวนนามสกุล อายุ 42 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 4974/2568 ลง
วันที่ 29 สิงหาคม 2568
3. นายพัศพงศ์ สงวนนามสกุล อายุ 26 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 4975/2568 ลง
วันที่ 29 สิงหาคม 2568

ฐานความผิด “ร่วมกันเป็นผู้รับประกันภัยโดยไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันภัย,นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อเดือนพฤษภาคม 2568 สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้ประสานความร่วมมือมายังตำรวจสอบสวนกลาง กรณีที่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหายที่ซื้อรถยนต์จากเต็นท์รถมือสองย่านบางแคและนนทบุรี โดยมีการเสนอแพคเกจที่เรียกว่า “ประกันสุขภาพรถยนต์/รับประกันคุณภาพรถยนต์มือสอง” ของ บริษัท มายคาร์ เซอร์วิส พลัส 1989 จำกัด เพื่อรับประกันอะไหล่รถยนต์มือสองของลูกค้า เรียกเก็บค่าเบี้ยประกัน 28,000 บาท หลังจากผู้เสียหายบางรายซื้อรถไปแล้วไม่นาน ปรากฏว่ารถเกิดอาการผิดปกติ เช่น เครื่องยนต์สะดุด ระบบเกียร์มีปัญหา ระบบหัวฉีดขัดข้อง จึงได้นำรถยนต์ไปซ่อมที่อู่ในเครือ ปรากฎว่าบริษัทปฏิเสธความรับผิดชอบ ไม่รับเคลมโดยอ้างว่าราคาสูงเกินมาตรฐานและอยู่นอกเงื่อนไขความคุ้มครอง กลุ่มผู้เสียหายจึงได้เข้าร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)
พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ. ได้สั่งการให้ กก.4 บก.ปอศ. สืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าว พบว่า บริษัท มายคาร์ เซอร์วิส พลัส 1989 จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อปี 2565 มีนายอัศนัยฯ,นางสาวณัฐปภัสร์ฯ และนายพัศพงศ์ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท มีพฤติกรรม เสนอขายแพคเกจ “ประกันสุขภาพรถยนต์/รับประกันคุณภาพรถยนต์มือสอง” ผ่านทางเต็นท์รถมือสองต่างๆ กว่า 20 เต็นท์
อ้างว่ามีอู่ในเครือข่ายกว่า 200 แห่ง เรียกเก็บเบี้ยประกันตั้งแต่ 9,000 – 100,000 บาท ให้ความคุ้มครองสูงสุด 300,000 บาท ซึ่งลักษณะการกระทำดังกล่าว เป็นการเรียกเก็บผลตอบแทน เพื่อคุ้มครองความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต อันมีลักษณะเป็นการ “รับประกันภัย” ซึ่งจะต้องได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยจากการตรวจสอบไม่พบว่าบริษัท มายคาร์ เซอร์วิส พลัส 1989 จำกัด ได้รับใบอนุญาตการประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังพบว่าบริษัทมีการเผยแพร่คลิปโฆษณาผ่านเพจเฟซบุ๊ก “MY CAR Service PLUS” ปรากฎคลิปชายไทยอ้างตนเป็นเจ้าของรถยนต์ BMW นำรถยนต์ของตนไปซ่อม โดยได้รับความคุ้มครองจากประกันสุขภาพรถยนต์ของบริษัทผู้ต้องหาโดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม จากการสืบสวนพบว่า ชายคนดังกล่าวมีอาชีพเป็นแมสเซ็นเจอร์ ได้รับการว่าจ้างจากนายอัศนัยฯ กรรมการของบริษัท ให้ถ่ายคลิปโฆษณาแลกเงินค่าจ้าง จำนวน 500 บาท โดยไม่ใช่เจ้าของรถยนต์ BMW ภายในคลิป และไม่เคยทำประกันสุขภาพรถยนต์กับบริษัทผู้ต้องหาแต่อย่างใด

จากการตรวจสอบข้อมูลทางการเงิน พบเงินหมุนเวียนที่น่าเชื่อว่ามาจากการการเรียกเก็บเบี้ยประกันจากผู้เอาประกัน 259 ราย และกลุ่มเต็นท์รถคู่สัญญา จำนวน 52 ราย รวมมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท โดยมีการโอนเงินต่อไปยังบัญชีธนาคารส่วนตัวของกรรมการทั้ง 3 รายไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว โดยไม่มีการจัดการกองทุนความเสี่ยงหรือกันเงินสำรองค่าสินไหมตามหลักการดำเนินธุรกิจประกันภัยพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ยื่นคำร้องขอหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ในความผิดตาม พระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ.2535 และ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปอศ. ได้นำหมายค้นเข้าตรวจค้นเป้าหมาย 2 จุด ซึ่งเป็นที่ตั้งบริษัทผู้ต้องหาอยู่ในพื้นที่ เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร และ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร จนนำไปสู่การจับกุมตัวนายอัศนัยฯ, นางสาวณัฐปภัสร์ฯ และนายพัศพงศ์ กรรมการของบริษัท พร้อมทั้งเข้าตรวจสอบเต็นท์จำหน่ายรถยนต์มือสอง จำนวน 2 แห่ง ย่านบางแคและนนทบุรี ผลการตรวจค้นบริษัทผู้ต้องหาพบว่ามีที่ตั้งเป็นทาวน์โฮมไม่มีพนักงานและการประกอบกิจการแต่อย่างใด จึงได้ตรวจยึดพยานหลักฐานและเอกสาร เช่น เอกสารการโฆษณา, ใบตรวจสภาพรถยนต์, สมุดคู่มือการเอาประกันภัยและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการของบริษัทผู้ต้องหา โดยน่าเชื่อว่ามีประชาชนหลงเชื่อทำกรมธรรม์ เกือบ 500 ราย อีกทั้งยังพบว่าบริษัทผู้ต้องหามีการออกใบรับรองการตรวจสภาพรถยนต์และตารางกรมธรรม์ ซึ่งโดยปกติจะต้องได้รับความเห็นชอบจากเลขาธิการ สำนักงาน คปภ. เพื่อให้สัญญาเป็นธรรมกับคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย ภายใต้หลักการประกันภัย โดยพฤติการณ์การออกกรมธรรม์ทั้งที่บริษัทไม่ได้รับอนุญาตและการโฆษณาดังกล่าว อาจทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่าบริษัทผู้ต้องหาได้รับอนุญาตให้เป็นผู้เอาประกันภัยตามกฎหมาย ซึ่งการที่บริษัทผู้ต้องหาปฏิเสธความคุ้มครองและผลักภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้เอาประกัน เป็นประกันภัยที่ชอบด้วยกฎหมาย ส่งผลให้เกิดความเสียหายแก่ผู้บริโภคในวงกว้าง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จับกุมตัวกรรมการบริษัททั้ง 3 ราย นำส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การภาคเสธ โดยรับว่าบริษัท มายคาร์ เซอร์วิส พลัส 1989 จำกัด ของตนได้เปิดบริษัทเพื่อดำเนินธุรกิจรับรองคุณภาพกับเต็นท์รถยนต์มือสอง รวมทั้งให้บริการซ่อมบำรุงและเซอร์วิสรถยนต์สำหรับรถจากเต็นท์รถยนต์มือสอง

Ad 1
Ad 2