เปิดปฏิบัติการล่าขบวนการลักลอบค้าโคเคน พบพัสดุเร่งด่วนขาเข้าระหว่างประเทศ ภายในเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 โคคาอีน (Cocaine) น้ำหนัก 3 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท จึงขยายผลต่อ โดยนำส่งพัสดุไปยังที่อยู่ปลายทาง พบชาวไทยและชาวเวียดนามเป็นผู้รับ
วันที่ 27 สิงหาคม 2568 นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี นายพีรพงศ์ รำพึงจิตต์ ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการข่าวและปราบปรามยาเสพติด 6 (ท่าอากาศยานและท่าเรือ) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และผู้แทนจากกองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมแถลงข่าวเปิดปฏิบัติการล่าขบวนการลักลอบค้าโคเคน ชาวเวียดนาม” พบยาเสพติดให้โทษประเภท 2 โคคาอีน (Cocaine) น้ำหนัก 3 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท ณ ศูนย์แถลงข่าว ชั้น 2 กรมศุลกากร (คลองเตย)
นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า กรมศุลกากรเพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวังการลักลอบนำเข้าและส่งออกยาเสพติดในทุกช่องทาง
ซึ่งเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2568 กรมศุลกากร โดยกองสืบสวนและปราบปราม และสำนักงานศุลกากรตรวจสินค้า
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยสกัดกั้นยาเสพติดทางท่าอากาศยานนานาชาติ (Airport Interdiction Task Force : AITF) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ฝ่ายข่าว ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก และการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมกันวิเคราะห์ข้อมูลการข่าว พบพัสดุเร่งด่วนขาเข้าระหว่างประเทศ ต้นทางประเทศสหรัฐอเมริกา สำแดงชนิดสินค้าเป็น “CIRCUIT WEL FIXTURE TOOLING PLATE” จำนวน 1 ชิ้น น้ำหนัก 21.800 กิโลกรัม ซึ่งมีความเสี่ยงในการลักลอบนำยาเสพติดให้โทษเข้ามาในราชอาณาจักร ผลการตรวจสอบ พบวัตถุต้องสงสัยลักษณะเป็นเกล็ดสีขาวขุ่นและมีกลิ่นฉุน ซุกซ่อนอยู่ในแม่พิมพ์โลหะ เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้นำตัวอย่าง มาตรวจสอบเบื้องต้นด้วยน้ำยาเคมี ONCB 052 Cobalt Thiocyanate Reagent พบว่าวัตถุดังกล่าวทำปฏิกิริยากับน้ำยาทดสอบจากใสไม่มีสี เปลี่ยนเป็นสีฟ้า จึงสันนิษฐานว่าวัตถุดังกล่าวเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 โคคาอีน (Cocaine) น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 3,000 กรัม มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท
ต่อมาวันที่ 25 สิงหาคม 2568 กรมศุลกากรและหน่วยร่วม AITF ได้ร่วมกันวางแผน ติดตาม เพื่อขยายผลจับกุมผู้กระทำความผิด โดยชุดปฏิบัติการได้วางกำลัง รวมทั้งอำพรางเพื่อดำเนินการส่งพัสดุไปยังที่อยู่ปลายทาง
ย่านราชปรารภ จนกระทั่งวันที่ 26 สิงหาคม 2568 ชุดปฏิบัติการสามารถจับกุมผู้ต้องหาชายชาวไทย ซึ่งเป็นผู้มาแสดงตัวรับพัสดุตามที่อยู่หน้ากล่อง และขยายผลต่อเนื่อง นำไปสู่การจับกุมผู้ร่วมขบวนการอีก 1 ราย เป็นชาย
ชาวเวียดนามได้ภายในวันเดียวกัน ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย มีประวัติการลักลอบส่งออกพัสดุที่ซุกซ่อนยาเสพติด
ไปยังต่างประเทศหลายครั้ง โดยเฉพาะชายชาวเวียดนาม ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นคนต่างด้าวที่เข้ามาและพำนักอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งจากการสืบสวนและรวบรวมข้อมูลเบื้องต้น พบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มเครือข่ายชาวเวียดนามที่ลักลอบค้ายาเสพติดในประเทศไทย
ชุดปฏิบัติการจึงทำการจับกุมและนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป ซึ่งการกระทำดังกล่าว
เป็นความผิดฐาน “ร่วมกันนำเข้าซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 โคคาอีน (Cocaine) มาในราชอาณาจักรและร่วมกันครอบครองยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 โคคาอีน (Cocaine) อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน” อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด และเป็นความผิดตามมาตรา 244 มาตรา 252 ประกอบมาตรา 166 และมาตรา 167 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560” และกระทำความผิดฐาน “เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 (ระหว่างงวันที่ 1 ตุลาคม 2567 – 27 สิงหาคม 2568) กรมศุลกากรจับกุมยาเสพติดรวมทั่วประเทศ ทั้งหมด 204 คดี มูลค่า 1,274.45 ล้านบาท
โฆษกกรมศุลกากรกล่าวเพิ่มเติมว่า“การจับกุมในครั้งนี้เป็นผลจากความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่าง กรมศุลกากรและหน่วยงานด้านการข่าวที่เกี่ยวข้อง กรมศุลกากรจะยังคงดำเนินการเชิงรุก เพื่อป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าและส่งออกยาเสพติด รวมถึงสินค้าผิดกฎหมายทุกรูปแบบ เพื่อความปลอดภัยของสังคมและความมั่นคงของประเทศ”