กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย กก.5 บก.ทล. ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหาลักลอบขนแรงงานต่างด้าว จำนวน 2 ราย และผู้ต้องหาต่างด้าว 1 ราย
1. นายจื้อฯอายุ 43 ปีสัญชาติ ไทย
2. นางสาวชไมพรฯอายุ 41 ปีสัญชาติ ไทย
3. นายทูฯอายุ 39 ปีสัญชาติ จีน
ในข้อหา
ผู้ต้องหาที่ 1 – 2 “รู้ว่าคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้น พ้นจากการจับกุม”
ผู้ต้องหาที่ 3 “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”
และเป็นผู้ต้องหาตามหมายแดง จากสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ A-6698/8-2022 ลง 11 สิงหาคม 2565 ในข้อหา “ฉ้อโกง” มูลค่าความเสียหายเป็นจำนวนมากกว่า 21 ล้านหยวน
สถานที่จับกุม บริเวณถนนพหลโยธิน (ทล.1) กม.516 ต.หนองบัวใต้ อ.เมือง จ.ตาก
พฤติการณ์ ตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่มอบหมายให้ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการตำรวจทางหลวง ดำเนินการกวดขันปราบปรามการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองอย่างจริงจัง โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนติดประเทศเพื่อนบ้าน ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงตากออกปฏิบัติการในพื้นที่รับผิดชอบ บริเวณถนนพหลโยธิน กม.516 ต.หนองบัวใต้ อ.เมือง จ.ตาก พบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน จอดที่ปั๊มน้ำมันบางจาก และสังเกตเห็นการเคลื่อนย้ายชายชาวต่างชาติที่มีลักษณะคล้ายชาวจีนจากรถกระบะไปยังรถยนต์อีกคัน พร้อมสัมภาระ เจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการตรวจสอบ พบว่าชายคนดังกล่าวคือนายทูฯ ไม่สามารถแสดงหลักฐานการเข้าเมืองได้ จึงแจ้งข้อหาความผิดฐานเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต
จากการสอบสวน คนขับรถทั้งสองคันมีนายจื้อฯ และนางสาวชไมพรฯ เป็นผู้ขับขี่ ยอมรับว่ารับงานลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้าสู่พื้นที่ชั้นใน โดยได้รับค่าจ้างเป็นเงินสด เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาฐาน “ช่วยเหลือ ซ่อนเร้นคนต่างด้าวโดยผิดกฎหมาย”
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเชิงลึกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังพบว่า นายทูฯ มิใช่เพียงคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองทั่วไป แต่เป็นผู้ต้องหาตามหมายแดงของสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีบทบาทเป็นหัวหน้ากลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติรายใหญ่ ก่อเหตุพนันออนไลน์และฉ้อโกง มีความเสียหายกว่า 21 ล้านหยวน (คิดเป็นเงินไทยกว่า 95 ล้านบาทไทย) ผู้เสียหายกว่า 590 ราย และการหมุนเวียนเงินสูงถึง 257 ล้านหยวน จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรแม่ท้อ อ.เมือง จ.ตาก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป