ตำรวจทางหลวง ขยายผลจับกุมขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวลงใต้
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ทล.3 กก.7 บก.ทล.
ร่วมกันจับกุม
1.นายจอ อายุ 38 ปี สัญชาติเมียนมา ผู้ต้องหาที่ 1
2.นายโซ อายุ 25 ปี สัญชาติเมียนมา ผู้ต้องหาที่ 2
3.นางสุ่ย อายุ 40 ปี สัญชาติเมียนมา ไม่มีหนังสือเดินทาง ผู้ต้องหาที่ 3
4.นางเตมาอู อายุ 40 ปี สัญชาติเมียนมา ไม่มีหนังสือเดินทาง ผู้ต้องหาที่ 4
5.นางที อายุ 21 ปี สัญชาติเมียนมา ไม่มีหนังสือเดินทาง ผู้ต้องหาที่ 5
6.นางยูม อายุ 35 ปี สัญชาติเมียนมา ไม่มีหนังสือเดินทาง ผู้ต้องหาที่ 6
7.นางจี อายุ 32 ปี สัญชาติเมียนมา ไม่มีหนังสือเดินทาง ผู้ต้องหาที่ 7
8.นางที อายุ 24 ปี สัญชาติเมียนมา ไม่มีหนังสือเดินทาง ผู้ต้องหาที่ 8
9.นางที อายุ19 ปี สัญชาติเมียนมา ไม่มีหนังสือเดินทาง ผู้ต้องหาที่ 9
10.นางตะเซ็ง อายุ 31 ปี สัญชาติเมียนมา ไม่มีหนังสือเดินทาง ผู้ต้องหาที่ 10
11.นางซายูมี อายุ 29 ปี สัญชาติเมียนมา ไม่มีหนังสือเดินทาง ผู้ต้องหาที่ 11
ผู้ต้องหาที่ 1-2 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกัน ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม โดยรู้ว่าคนต่างด้าวเหล่านั้น เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ตาม พรบ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522”
ผู้ต้องหาที่ 3-11 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พรบ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522”
พร้อมตรวจยึดของกลาง
1.โทรศัพท์มือถือ พร้อมซิมการ์ด จำนวน 1 เครื่อง
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากตำรวจทางหลวงสงขลา ได้รับแจ้งว่า มีรถยนต์กระบะต้องสงสัยน่าเชื่อว่าลักลอบบรรทุกบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง มาส่งที่บริเวณรีสอร์ตในพื้นที่ ม.8 ต.บ้านพรุ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจสอบและจับกุม ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลการข่าวในพื้นที่ว่าบริเวณใกล้เคียงรีสอร์ตดังกล่าว มักมีขบวนการลักลอบนำพาบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายมาเปลี่ยนถ่ายรถ หรือนำบุคคลต่างด้าวมาพักคอย เพื่อส่งต่อไปยังพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ก่อนจะข้ามแดนไปยังประเทศมาเลเซียตำรวจทางหลวงสงขลาจึงได้วางแผนออกตรวจสอบบริเวณเส้นทางรอบรีสอร์ตดังกล่าว และเข้าตรวจสอบภายในรีสอร์ต ขณะตรวจสอบภายในรีสอร์ต พบนายจอ (ผู้ต้องหาที่ 1) ขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาภายในรีสอร์ต โดยมี นายโซฯ (ผู้ต้องหาที่ 2) นั่งซ้อนท้าย เมื่อทั้งสองเห็น เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม มีอาการตื่นตกใจ และมีท่าที พิรุธ ต้องสงสัย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงได้แสดงตัวเข้าตรวจสอบบุคคลทั้งสอง
จากการตรวจสอบพบว่า นายจอฯ และ นายโซฯ ได้แสดงบัตรประจำตัวบุคคลซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ทราบว่าทั้งสองเป็นบุคคลสัญชาติเมียนมา โดยนายจอฯ รับว่าตนและเพื่อนเข้ามาดูแลบุคคลต่างด้าวที่พักอยู่ภายในห้องพักหมายเลข 8 ของรีสอร์ต ซึ่งพักอาศัยอยู่ร่วมกัน จำนวน 10 คน โดยทั้งสองร่วมกันเปิดห้องพักและเป็นผู้ชำระเงิน จากข้อมูลจำนวนคนที่พักอาศัยดังกล่าว มีจำนวนมากผิดปกติวิสัยของบุคคลทั่วไปที่จะเข้าพักภายในห้องเดียว จึงขอให้นายจอฯ และ นายโซฯ นำการตรวจสอบภายในห้องพักหมายเลข 8 ผลการตรวจสอบพบบุคคลต่างด้าวเพศหญิง จำนวน 10 คน อยู่ภายในห้องดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงขอให้บุคคลทั้งหมดแสดงเอกสารประจำตัวและหนังสือเดินทาง พบว่าผู้ต้องหาที่ 3-11 รวมจำนวน 9 คน
ไม่มีบัตรประจำตัวและเอกสารหนังสือเดินทางแต่อย่างใด มีเพียง น.ส.ซาน มีเอกสารการอนุญาตให้อยู่ในประเทศถูกต้อง กรณีดังกล่าวจึงเป็นเหตุอันน่าเชื่อได้ว่าผู้ต้องหาที่ 3-11 เป็นบุคคลต่างด้าวลับลอบเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต จากนั้นได้นำควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมายังสถานี ทล.3 กก.7 บก.ทล. ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อทำบันทึกการจับและนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งลุง ต.พะตง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาที่ 1 ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ว่าตนได้รับการติดต่อจากนายกูเซ็ง (ผ่านนายหน้าที่ประเทศเมียนมาชื่อนางมะเย) ให้ตนเดินทางมายังรีสอร์ต เพื่อเปิดห้องพักรอรับกลุ่มคนต่างด้าว (ผู้ต้องหาที่ 3-11) โดยโอนเงินชำระ 800 บาท ตามที่นายกูเซ็งได้ว่าจ้างและให้ดูแลอาหารการกินให้กับผู้ต้องหาที่ 3-11 โดยรับค่าจ้างต่อหัวละ 500 บาท ผ่านการโอนเงินจะจ่ายต่อเมื่อเสร็จสิ้นงานดังกล่าว จากการสอบถามผู้ต้องหาที่ 2 ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ว่าตนได้รับการติดต่อจาก ผู้ต้องหาที่ 1 ให้มาช่วยงานดูแลบุคคลต่างด้าวที่รีสอร์ต โดยมีหน้าที่ให้ดูแลอาหารการกินของผู้ต้องหาที่ 3-11 ซื้ออาหารการกินหรือตามแต่ผู้ต้องหาที่ 1 จะใช้งาน โดยได้รับเงินค่าจ้างผู้ต้องหาที่ 1 ต่อเมื่อเสร็จสิ้นงาน
จากการสอบถามบุคคลต่างด้าว สัญชาติเมียนมาร์ ผู้ต้องหาที่ 3-11 ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ว่า พวกตนได้เดินทางออกจากประเทศเมียนมาผ่านช่องทางธรรมชาติไม่ทราบช่องทาง ไม่ทราบวันที่และเวลาที่แน่ชัด ต่อมามีรถยนต์กระบะมารับตัวต่อไปพักที่บ้านแห่งหนึ่งไม่ทราบสถานที่ที่แน่ชัด เป็นเวลา 1 คืน หลังจากนั้น เวลา 20.00 น. โดยประมาณได้มีรถยนต์มารับตนพร้อมพวกมาถึงรีสอร์ต เพื่อเตรียมตัวเดินทางต่อไปยังประเทศมาเลเซีย โดยจ่ายเงินค่าจ้างในการเดินทางเป็นจำนวน 8 ล้านจ๊าด ตีเป็นเงินไทย จำนวน 64,000 บาท จ่ายไปแล้ว 5 ล้าน 5 แสน จ๊าด ตีเป็นเงินไทยจำนวน 44,000 บาท และจะจ่ายที่เหลือต่อเมื่อเดินทางถึงประเทศมาเลเซีย