“”ตอกย้ำความล้มเหลวของ ผบ.ตร.””
การแต่งตั้งโยกย้ายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกครั้งหนึ่ง กลายเป็นภาพสะท้อนความล้มเหลวซ้ำซากของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่ยังคงวนเวียนอยู่กับการเลือก “คนของตัวเอง” มากกว่าจะมองที่ผลงานและประโยชน์ต่อองค์กรและประชาชน
กรณีล่าสุด การดัน พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1 เพื่อนร่วมรุ่น “บิ๊กแจง” ที่เคยมีภาพพัวพันกับเครือข่ายสีเทาออนไลน์ ผงาดไปนั่งเก้าอี้ ผบช.สอท. ถือเป็นคำถามใหญ่ต่อสังคมว่า การแต่งตั้งครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อ “ปกป้องผลประโยชน์ของใคร” มากกว่าจะสานต่องานปราบปรามที่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ได้วางรากฐานเอาไว้จนเห็นผลเป็นรูปธรรม
สตช. ควรเป็นหน่วยงานที่ยืนหยัดเพื่อกฎหมายและความมั่นคง แต่สิ่งที่ประชาชนเห็นกลับตรงกันข้าม เมื่อผู้นำสูงสุดเลือกเอา “คนแก่ใกล้เกษียณ” ที่ถูกตั้งคำถามเรื่องภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือ ไปนั่งในตำแหน่งสำคัญแทนที่จะให้คนที่ทำงานได้จริง มีไฟจริง เดินหน้าปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง
นี่ไม่ใช่เพียง “ความผิดพลาด” เล็กน้อย แต่คือ การตอกย้ำความล้มเหลวเชิงระบบของ ผบ.ตร. ที่ยังยึดโยงกับเครือข่ายอุปถัมภ์และผลประโยชน์ส่วนตน มากกว่าผลประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศ
คำถามที่ต้องการคำตอบคือ ประชาชนได้อะไรจากการโยกย้ายครั้งนี้ นอกจากการเห็นความเสื่อมถอยขององค์กรตำรวจ ที่ควรเป็นเสาหลักด้านความยุติธรรม แต่กลับกลายเป็นเครื่องมือสืบทอดอำนาจและผลประโยชน์ให้ “พวกพ้อง” เพียงไม่กี่คน
