วันพุธ, กันยายน 17, 2025
หน้าแรกทหารทบ.แจงเหตุ ที่ไม่จัดการ แก๊งค์คอลเซนเตอร์ -บ่อนคาสิโน ในปอยเปต สระแก้ว ช่วงสู้รบเขมร เพราะเขตชุมชน ปัด มีผลประโยชน์ ร่วมกับฝั่งเขมร

ทบ.แจงเหตุ ที่ไม่จัดการ แก๊งค์คอลเซนเตอร์ -บ่อนคาสิโน ในปอยเปต สระแก้ว ช่วงสู้รบเขมร เพราะเขตชุมชน ปัด มีผลประโยชน์ ร่วมกับฝั่งเขมร

กดที่นี่เพื่ออ่านข่าว

ทบ.แจงเหตุ ที่ไม่จัดการ แก๊งค์คอลเซนเตอร์ -บ่อนคาสิโน ในปอยเปต สระแก้ว ช่วงสู้รบเขมร เพราะเขตชุมชน

ปัด มีผลประโยชน์ ร่วมกับฝั่งเขมร

หลัง สื่อบางสำนัก ตั้งข้อสงสัย

ทำไมไม่ทำลายไปเลย

“โฆษก ทบ.” ยัน พื้นที่กองทัพภาค1 ดูแล เป็นพื้นที่เป้าหมายการรบ รอง

แค่ให้เตรียมพร้อม เมื่อสั่ง

ชี้ เป็นเขตเมืองใหญ่-ประชาชนอยู่หนาแน่นทั้ง2 ประเทศ

ทบ. เน้น พื้นที่เป้าหมายทางทหาร เป็นหลัก

ทัพภาค1 จึงแค่ จัดระเบียบพื้นที่ชายแดน

เข้าไปยึดครอง รื้อถอนทำลายสิ่งปลูกสร้างทางทหาร

ที่รุกล้ำเข้ามาในเขตอธิปไตยของไทย เท่านั้น

ทบ.เปิดช่อง ให้ร้องตรวจสอบ

การปฏิบัติงานของหน่วยใน ทบ.

ยัน พร้อมให้ความร่วมมือ

ยัน จะให้ข้อมูล โปร่งใส ตรงไปตรงมา

 

.

.

 

พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงกรณีสื่อออนไลน์เผยแพร่ข้อมูลว่า ช่วงการสู้รบวันที่ 24–28 ก.ค.68 ในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 1 บริเวณจังหวัดสระแก้ว ไม่มีปรากฏการณ์การใช้กำลังและอาวุธทางทหารโจมตี ต่อเป้าหมายทางพลเรือน เช่น บ่อนคาสิโนและอาคารพาณิชย์ ที่อาจต้องสงสัยว่าเป็นสำนักงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในปอยเปต

 

โดยกล่าวหาว่า หากถูกทำลายก็เหมือนถูกทุบหม้อข้าวจะเสียหายหนัก รวมทั้งเจ้าของบ่อนจริงๆ ก็น่าจะมีคนไทยเป็นหุ้นส่วนอยู่ด้วย โดยสาเหตุที่ไม่มีการดำเนินการนั้น เนื่องจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งอาจหมายถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารกองทัพภาคที่ 1 อาจไปมีผลประโยชน์ร่วมกันกับผู้ประกอบการธุรกิจในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวนั้น

 

โฆษกกองทัพบก กล่าวว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง โดยช่วงมีสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทย–กัมพูชา กองทัพบกได้มอบหมายให้แต่ละหน่วยในสังกัดดำเนินการตามแผนยุทธการฯ และปฏิบัติตามขั้นตอน มีการกำหนดพื้นที่เป้าหมายการรบหลัก

 

เช่น ในเขตพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 2 และพื้นที่เป้าหมายการรบ รอง ในเขตพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 และกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด ของกองทัพเรือ

สำหรับกรณีการใช้กำลังหรือการใช้อาวุธแต่ละชนิด จะมีระดับการควบคุม

ตามสายการบังคับบัญชา เพื่อความรอบคอบและความเร่งด่วนในการอำนวยการยุทธ รวมทั้งให้มีความพร้อมปฏิบัติเมื่อสั่ง

 

เนื่องจากพื้นที่ปฏิบัติการโดยรอบมีลักษณะเป็นเขตเมืองใหญ่ที่มีประชาชนอยู่หนาแน่นทั้งสองประเทศ ซึ่งต่างจากพื้นที่ปฏิบัติการของกองทัพภาคที่ 2 

 

ดังนั้น กองทัพภาคที่ 1 จึงได้กำหนดเป้าหมายเฉพาะที่ส่งผลกระทบต่อกำลังพล ยุทโธปกรณ์ และที่ตั้งทางทหารของฝ่ายกัมพูชา ที่อยู่ในเขตอธิปไตยของประเทศไทยเป็นหลัก อันเป็นการปฏิบัติที่ถูกต้องตามกฎการใช้กำลัง และสอดคล้องกับหลักกฎหมายระหว่างประเทศ 

 

โดยเฉพาะกฎหมายด้านมนุษยธรรม (International Humanitarian Law) ที่ใช้บังคับเกี่ยวกับวิธีการทำสงคราม และการปฏิบัติต่อพลรบและพลเรือนอย่างมีมนุษยธรรมในระหว่างการทำสงคราม (Jus in bello)

 

การปฏิบัติที่ผ่านมาในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 1 จึงมุ่งที่จะเข้าไปยึดครอง และรื้อถอนทำลายสิ่งปลูกสร้างทางทหารที่รุกล้ำเข้ามาอย่างชัดเจนในเขตอธิปไตยของไทย ตามสิทธิอันชอบธรรม

 

ส่วนการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ที่มีประชาชนชาวกัมพูชาเข้ามาอยู่อาศัย ได้จัดทำแผนแนวทางและมาตรการแก้ไข 

 

ซึ่งปัจจุบันได้นำเสนอให้กับกองทัพบก และกองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อพิจารณาดำเนินการ โดยจะร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ รวมถึงอาศัยความร่วมมือกับองค์กรนานาชาติในการสนับสนุนและร่วมสังเกตการณ์การดำเนินการ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนมากกว่าการใช้มิติทางทหารเพียงอย่างเดียว เป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาในรูปแบบองค์รวม (Comprehensive solution) ที่เป็นที่ยอมรับและได้รับการสนับสนุนจากนานาชาติ อีกทั้งจะไม่เป็นสาเหตุให้ฝ่ายตรงข้ามนำไปใช้บิดเบือนในเวทีโลกได้

 

ขอยืนยันว่าไม่มีหน่วยงานในสังกัดกองทัพบกเข้าไปเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ใดๆ ในบริเวณด่านช่องทางเข้า-ออกชายแดน ทั้งในช่วงภาวะปกติที่อยู่ในความรับผิดชอบดูแลโดยฝ่ายปกครองร่วมกับหน่วยราชการต่างๆ และในช่วงภาวะไม่ปกติเช่นปัจจุบันที่อยู่ในความดูแลโดยฝ่ายทหาร ก็ตาม

 

ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของหน่วยงานในสังกัดกองทัพบก กองทัพบก พร้อมให้ความร่วมมือในการตรวจสอบและให้ข้อมูลด้วยความโปร่งใสอย่างตรงไปตรงมา

#กองทัพภาค1

#cambodiaviolatestheottawaconvention

#CambodiaOpenedFire

ที่มา วาสนา นาน่วม

Ad 1
Ad 2