วันพุธ, สิงหาคม 13, 2025
หน้าแรกอาชญากรรมรวบ 2 วัยรุ่นไทย ขนเครื่อง FBS ขับรถทั่วกรุง ตระเวนส่ง SMS ปลอมแนบลิงก์หลอกดูดเงิน

รวบ 2 วัยรุ่นไทย ขนเครื่อง FBS ขับรถทั่วกรุง ตระเวนส่ง SMS ปลอมแนบลิงก์หลอกดูดเงิน

กดที่นี่เพื่ออ่านข่าว

 

วันอาทิตย์ที่ 10 ส.ค.68 ที่ บริเวณชั้น 1 บก.สอท.2 (เมืองทองธานี) นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ

ผบช.สอท.,และกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3, พร้อมกลุ่มงานรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ บก.ตอท. ร่วมกับ คุณวิสิษฐศักดิ์ เจริญไชย ผู้จัดการงานองค์กรสัมพันธ์ AIS พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์ผนึกกำลัง AIS เปิดปฏิบัติการ “OPERATION PINKLAO” รวบ 2 วัยรุ่นไทย ขนเครื่อง FBS ขับรถทั่วกรุง ตระเวนส่ง SMS ปลอม แนบลิงก์หลอกดูดเงิน

 

สืบเนื่องจาก บช.สอท. ได้ร่วมกับ AIS เดินหน้าปฏิบัติการเชิงรุก จนสามารถเข้าจับกุมกลุ่มมิจฉาชีพที่ตระเวนใช้เครื่องจำลองสถานีฐาน (False Base Station) เพื่อส่ง SMS ปลอมจาก Sender เป็นชื่อหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยใช้ข้อความที่อ้างคะแนนจะหมดอายุ เพื่อล่อลวงให้ประชาชนคลิกลิงก์แลกรางวัล ทำให้ผู้รับ SMS อาจหลงเชื่อและมีความเสี่ยงโดนหลอกลวงเงินได้ โดยที่ผ่านมาพบว่าได้ก่อเหตุทั้งในพื้นที่ในย่านสาธร พระราม 4 สุขุมวิท และเพชรบุรี และสามารถจับกุมตัวไปได้แล้วหลายครั้ง ทั้งผู้ต้องหาชาวไทยและต่างชาติ

 

โดยการสืบสวนในครั้งนี้ ทาง AIS ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าได้รับ SMS ปลอมแนบลิงก์น่าสงสัย คาดว่า

มาจากมิจฉาชีพ จึงได้ประสานข้อมูลมายังตำรวจไซเบอร์และได้เริ่มทำการสืบสวน โดยมีเจ้าหน้าที่ชุดวิเคราะห์ข้อมูล ศปอส.ตร. นำโดย พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2, พ.ต.ท.ชนะชัย ศิริ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.มักกะสัน, พ.ต.ท.วสันต์ เพิ่มพูล สว.(สอบสวน) สน.หนองแขม และเจ้าหน้าที่ตำรวจในศูนย์ฯ ร่วมสืบสวนกรณีดังกล่าวด้วย

 

ต่อมา พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 พร้อมด้วย จนท.กก.2 บก.สอท.3, และกลุ่มงานรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ บก.ตอท. จึงได้นำกำลังตำรวจไซเบอร์รวมหลายสิบนาย ร่วมกับทีมวิศวกรจาก AIS กระจายกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบ โดยวางกำลังค้นหาคนร้ายที่ก่อเหตุรอบพื้นที่ กทม. โดยเฉพาะถนนเส้นหลักและย่านชุมชน

 

กระทั่งได้พบรถยนต์ต้องสงสัย ยี่ห้อ มาสด้า สีเทา ขับอยู่บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ จึงได้ติดตามจนกระทั่งมาถึงบริเวณปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ย่าน ถ.สิรินธร แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กทม. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวเข้าขอตรวจค้น เพื่อตรวจสอบรถยนต์คันดังกล่าว พบบุคคลภายในรถเป็นชายไทยจำนวน 2 คน ชื่อ นาย นิรันดร์อายุ 20 ปี และ นายกิตติวรา อายุ 22 ปี

 

เมื่อตรวจสอบภายในรถยนต์บริเวณห้องโดยสารตอนหลัง พบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ลักษณะคล้ายเครื่องจำลอง

สถานีฐานกำลังทำงานอยู่และมีการเชื่อมต่อกับเครื่องจ่ายไฟเคลื่อนที่ (Power Station) จำนวน 1 ตู้ จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจาก AIS มาตรวจสอบ จึงพบว่า เป็นเครื่องจำลองสถานีฐาน (False base station) เป็นอุปกรณ์เครื่องวิทยุโทรคมนาคมที่ดัดแปลงการส่งสัญญาณในคลื่นความถี่ต่างๆ เข้าอุปกรณ์มือถือที่อยู่ในรัศมี ซึ่งกำลังทำงานอยู่ และมีการเชื่อมต่อกับเครื่องจ่ายไฟเคลื่อนที่ (Power Station) พร้อมอุปกรณ์กระจายสัญญาณจำนวน 1 กล่องและโทรศัพท์มือถือจำนวน 4 เครื่อง ตรวจสอบไม่พบการได้รับอนุญาตจาก กสทช. แต่อย่างใด

 

โดยระหว่างการตรวจค้นนั้น ก็ยังมี SMS แนบลิงก์เข้าสู่เว็บไซต์ปลอมเข้ามาในกล่องข้อความโทรศัพท์มือถือ

ของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างต่อเนื่อง อาทิ เลียนแบบ SMS ธนาคาร เลียนแบบ SMS ค่ายโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น

 

จากการซักถามนายนิรันดร์ฯ ผู้ถูกจับ ให้ข้อมูลว่า ตนเองได้รับการติดต่อจากผู้ว่าจ้างชาวจีนผ่านทางแอปพลิเคชัน Telegram ให้นำอุปกรณ์ดังกล่าวไปตระเวนขับส่ง SMS ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยได้รับค่าจ้างประมาณ 5,000 บาท ส่วนนายกิตติวรา ให้ข้อมูลว่า ตนทำหน้าที่ขับรถพานาย นิรันดร์ ตระเวนไปตามที่ผู้คนพลุกพล่านใน กทม. โดยทำมาแล้วจำนวน 3 ครั้ง คือ เมื่อวันที่ 2, 3 และ 8 สิงหาคม 2568 โดยได้รับค่าจ้างวันละ 1,000 บาท

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหา ดังนี้

1. “ร่วมกัน ทำ มี ใช้ นำเข้า นำออก หรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ตามมาตรา 6 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498

2. ร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตตามมาตรา 11 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498

3. ร่วมกันใช้คลื่นความถี่ในการประกอบกิจการโทรคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาตอันมีลักษณะที่เป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สาม ตามมาตรา 67(3) ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม

4. ร่วมกันพยายามฉ้อโกงประชาชนฯ ตาม ป.อาญา มาตรา 343, ร่วมกันกระทำโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ พ.ศ.2560 มาตรา 14(1)

5. ร่วมกันดักรับไว้ ใช้ประโยชน์ หรือเปิดเผยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งข่าววิทยุคมนาคมที่มิได้มุ่งหมายเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติหรือประชาชน ตามมาตรา 17 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

6. ร่วมกันกระทำความผิดฐาน อั้งยี่ ตาม ป.อาญา มาตรา 209”

 

นายวรุณเทพ วัชราภรณ์ หัวหน้าฝ่ายงานรัฐกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า “เอไอเอสตั้งใจยกระดับสังคมไทยสู่ ‘ปีแห่งความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์’ ที่เราจะทำงานเชิงรุกอย่างเต็มกำลัง เพื่อปกป้องคนไทยจากภัยออนไลน์ทุกรูปแบบ ในฐานะผู้ให้บริการระบบสื่อสารชั้นนำของประเทศ เรามุ่งมั่นดูแลให้ลูกค้าทุกคนใช้บริการได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยสูงสุดที่ผ่านมา เอไอเอสจึงร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับตำรวจและหน่วยงานภาครัฐ ร่วมกันตรวจสอบ ปิดกั้น และติดตามเส้นทางมิจฉาชีพที่ใช้เครือข่ายเป็นช่องทางหลอกลวง ล่าสุด ในกรณีการส่ง SMS ปลอมผ่านอุปกรณ์เครื่องจำลองสถานี (False Base Station) ซึ่งปลอมเป็นบริษัทเอกชน เพื่อสร้างความสับสน เราได้สนับสนุนภารกิจของฝ่ายความมั่นคงจนสามารถเข้าถึงแหล่งกบดานและทลายเครือข่ายมิจฉาชีพได้สำเร็จ สะท้อนถึงความตั้งใจของเอไอเอสในการปกป้องประชาชน และเราจะเดินหน้าพัฒนามาตรการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อให้คนไทยทุกคนปลอดภัยในโลกดิจิทัลอย่างยั่งยืน”

Ad 1
Ad 2