แม่ทัพภาค2 ประเมินทหารกัมพูชาสูญเสียกว่า 3,000 นาย เตรียมปิดตายปราสาทตาเมือนธม มุ่งยึดตาควายคืน
วันที่ 10 สิงหาคม ที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ภายหลังเหตุปะทะว่า ฝ่ายกัมพูชาน่าจะสูญเสียกำลังพลราว 3,000 นาย เนื่องจากใช้กำลังจำนวนมากในการปฏิบัติการ แม้จะรู้สึกเห็นใจ แต่ยอมรับว่าเป็นหน้าที่ของทหารที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา
แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงปัญหาโดรนบินในพื้นที่ชายแดนฝั่งไทยว่า พบการบินจำนวนมาก ทั้งใกล้พื้นที่ตั้งกำลังพล สนามบิน คลังอาวุธ คลังระเบิด บ้านพักทหาร และโรงพยาบาล จึงได้ประสานกับ 14 จังหวัดเพื่อจัดหาอุปกรณ์ต่อต้านโดรน พร้อมติดตามหาผู้ควบคุม หากพบตัวจะให้ตำรวจสอบสวนอย่างละเอียด ไม่เร่งสรุปว่าเป็นผู้มีปัญหาทางจิต
พล.ท.บุญสิน เชื่อว่าฝ่ายกัมพูชาต้องการใช้โดรนหาพิกัดโรงพยาบาล เพื่อนำไปใช้ประกอบการยิงด้วยอาวุธ และมองว่าสงครามในอนาคตอาจจำเป็นต้องมีห้องบัญชาการใต้ดินเพื่อความปลอดภัย
สำหรับพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่า ในช่วงสู้รบ กัมพูชาส่งกำลังพลกว่าพันนายเข้าตี แต่ฝ่ายไทยสามารถรักษาพื้นที่ไว้ได้ ปัจจุบันมีการปิดปราสาทชั่วคราว และอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะปิดถาวรหรืออนุญาตให้เข้าได้บางส่วน โดยรอการตัดสินใจจากคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง
ส่วนปราสาทตาควายซึ่งอยู่ใกล้ฐานทัพกัมพูชาและมีการวางกำลังป้องกันอย่างแน่นหนา เป็นจุดเดียวที่ทหารไทยยังไม่สามารถเข้าไปได้ แม้ได้ทดลองปฏิบัติการแล้ว 4 ครั้ง แต่ติดทั้งการต้านทานและทุ่นระเบิดที่วางหนาแน่นรอบพื้นที่ ขณะนี้กองกำลังไทยอยู่ห่างเพียง 30 เมตรจากปราสาท และยืนยันว่าเป็นสมบัติของไทยที่จะต้องยึดกลับมาให้ได้
แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวเพิ่มเติมว่า ขวัญกำลังใจของทหารแนวหน้าอยู่ในเกณฑ์ดี หลายคนแม้จะบาดเจ็บแต่เมื่อรักษาหายแล้วก็ขอกลับไปปฏิบัติหน้าที่อีก สำหรับตนเองเหลืออายุราชการอีก 51 วัน จึงตั้งใจทำหน้าที่แม่ทัพให้ดีที่สุด ก่อนเกษียณในปลายปีนี้.
