ทบ.เก็บหลักฐานทหารเขมร เบี้ยวข้อตกลงหยุดยิง
เปิดฉาก 7 เหตุการณ์
ใช้ทั้งปืนเล็ก-ปืนใหญ่
เผย พื้นที่ภูมะเขือ กัมพูชายังคงลาดตระเวนโดยรอบภูมะเขือ
ใช้อาวุธวิถีโค้งโจมตี 01.00 น.
ชี้ ที่ปราสาทตาควาย-ปราสาทตาเมือน ทั้งสองฝ่าย ยังคงวางกำลังควบคุมพื้นที่
เผย ทหาร เสียชีวิต: 15 นาย
บาดเจ็บ: 175 นาย
.
ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้สรุปสถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา หลังเวลา 00.00 น. (29 ก.ค. 68) ปรากฏการคุกคามของกำลังประเทศกัมพูชาใน 7 เหตุการณ์ ดังนี้
1.พื้นที่ช่องบก เกิดการปะทะด้วยปืนเล็กที่เนินโนเนมทางทิศตะวันตกช่องบก
2.พื้นที่ช่องอานม้า เวลา 05.00 น. เกิดการปะทะด้วยอาวุธยิงสนับสนุน สิ้นสุดในเวลา 09.00 น. ทั้งสองฝ่ายจัดตั้งชุดประสานงานบริเวณทิศใต้ช่องอานม้า
3.พื้นที่ซำแต เกิดการปะทะ ฝ่ายเราสามารถควบคุมพื้นที่เอาไว้ได้
4.พื้นที่ช่องตาเฒ่า ตรวจพบการนำยานพาหนะพร้อมกำลังพลเคลื่อนย้ายเข้ามาในพื้นที่ ปัจจุบันกำลังดังกล่าววางกำลังอยู่บริเวณปากช่องตาเฒ่า
5.พื้นที่ภูมะเขือ ฝ่ายประเทศกัมพูชายังคงลาดตระเวนโดยรอบภูมะเขือ และใช้อาวุธวิถีโค้งโจมตีต่อฝ่ายเราในช่วงเวลา 01.00 น.
6. พื้นที่ปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือน ทั้งสองฝ่ายยังคงวางกำลังควบคุมพื้นที่
7.ตรวจพบอากาศยานไร้คนขับไม่ทราบฝ่าย บินอยู่เหนือที่ตั้งทางทหาร และสนามบินตามแนวชายแดนหลายแห่ง ปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าผู้ใดเป็นเจ้าของอากาศยานไร้คนขับดังกล่าว
ผลการประชุมไทย–กัมพูชา ที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อ (28 ก.ค. 68) โดยมี นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย (ประธานอาเซียน 2025) เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา พร้อมทั้งผู้แทนจากสหรัฐอเมริกาและจีนร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย
โดยที่ประชุมเห็นชอบให้ฟื้นการเจรจาทวิภาคี มีการหารือไม่เป็นทางการระหว่างแม่ทัพภาคแล้ว และเตรียมจัดประชุม GBC (4 ส.ค.) และ JBC (ก.ย.) ตามที่ไทยเสนอ ข้อตกลงยังเน้นให้ประชาชนที่อพยพสามารถกลับบ้านได้เมื่อสถานการณ์เหมาะสม ฝ่ายไทยย้ำให้กัมพูชาหยุดโจมตีพลเรือน และเคารพกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
ขณะนี้การหยุดยิงยังเปราะบาง หน่วยงานในพื้นที่จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมขอบคุณประเทศที่สนับสนุนกระบวนการสันติ
ต่อมาในวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00.น. ได้มีการหารือระหว่าง พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย กับ พลเอก โปว เฮง ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 กัมพูชา ได้ข้อสรุปสำคัญเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ชายแดนที่ตึงเครียด โดยมีประเด็นหลักที่ตกลงร่วมกัน 7 ข้อ ดังนี้
1.หยุดยิง
2.ห้ามใช้กำลังต่อประชาชนคนไทย
3.หยุดเพิ่มเติมกำลัง
4.ห้ามเคลื่อนย้ายกำลัง
5.ฝ่ายไทยจะอำนวยความสะดวกในการนำทหารกัมพูชาที่ได้รับผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ออกจากพื้นที่การรบ
6.ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบในการจัดตั้งชุดประสานงานเพื่อแก้ปัญหาตลอดแนวชายแดนในความรับผิดชอบของ กองทัพภาคที่ 2 ฝ่ายละ 4 นาย สำหรับฝ่ายไทย ได้กำหนดให้ รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เป็นหัวหน้าคณะฯ
7.ให้กำลังทุกส่วนลดการเผชิญหน้าทุกรูปแบบและรอผลการหารือของที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย – กัมพูชา ซึ่งจะจัดให้มีขึ้นในวันที่ 4 สิงหาคม 2568 เพื่อนำมากำหนดเป็นแนวทาง ในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติอีกครั้งหนึ่ง
การปฏิบัติด้านมนุษยธรรม – กองทัพภาคที่ 2 ควบคุมตัวทหารกัมพูชา 18 นาย ที่ยอมจำนน หลังเหตุปะทะที่ซำแต (29 ก.ค. 68) จากการตอบโต้ฝ่ายกัมพูชาที่ยิงอาวุธเข้าพื้นที่ไทย หน่วยทหารม้าเฉพาะกิจสามารถควบคุมตัวทหารกัมพูชาได้ 18 นาย พร้อมอาวุธ โดยไม่มีการคุกคาม และพบผู้เสียชีวิต 2 นาย บาดเจ็บ 1 นาย ส่งรักษาที่โรงพยาบาล
ขณะนี้ ทหารฝ่ายกัมพูชาทั้งหมดอยู่ภายใต้การดูแลของไทยในพื้นที่ปลอดภัย โดยได้รับอาหาร สิ่งของจำเป็น และการรักษาตามหลักมนุษยธรรมสากล โดยฝ่ายไทยจะส่งคืนศพทหารที่เสียชีวิตตามหลักปฏิบัติในภาวะสงคราม และยืนยันยึดมั่นอนุสัญญาเจนีวาอย่างเคร่งครัด
ด้านภัยคุกคามจากการปล่อยข่าวเท็จ – ตรวจพบการปล่อยข่าวอันเป็นเท็จ สร้างความเข้าใจผิดให้กับนานาประเทศในหลายรูปแบบ โดยขณะนี้สื่ออย่างเป็นทางการของหน่วยงานด้านความมั่นคงของไทยทุกภาคส่วนได้นำเสนอเหตุการณ์จริง พร้อมคำแปลภาษา เพื่อให้ประเทศต่าง ๆ ได้รับทราบ โดยเช้าวันนี้ กองทัพไทยปฏิเสธคำแถลงโฆษกกลาโหมกัมพูชา กรณีฝ่ายกัมพูชาหยุดยิงทุกพื้นที่ กองทัพไทยยืนยันข้อเท็จจริงตรงข้ามกับคำแถลงของ พล.ท.หญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ที่อ้างว่าไม่มีเสียงปืน และหยุดยิงสมบูรณ์ตั้งแต่เที่ยงคืน 28 ก.ค. 68 โดยฝ่ายกัมพูชายังยิงอาวุธเข้าไทยหลังข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งไทยมีหลักฐานชัดเจน กองทัพไทยประณามการบิดเบือนความจริงของโฆษกฯ ว่าเป็นการสร้างเหตุการณ์เท็จ บ่อนทำลายความเชื่อมั่นระหว่างประเทศ พร้อมยืนยันไทยไม่เคยเริ่มความรุนแรง แต่มีสิทธิปกป้องอธิปไตยและประชาชนตามหลักกฎหมายสากล
สรุปสถานการณ์ผู้ได้รับผลกระทบ (ยอดสะสมถึงวันที่ 29 กรกฎาคม 2568)
1. พลเรือน
เสียชีวิต: 15 ราย
บาดเจ็บสาหัส: 12 ราย
บาดเจ็บปานกลาง: 13 ราย
บาดเจ็บเล็กน้อย: 13 ราย
▶️ รวมทั้งสิ้น 53 ราย
2. ทหาร
เสียชีวิต: 15 นาย
บาดเจ็บ: 175 นาย
▶️ รวมทั้งสิ้น 190 นาย
ทั้งนี้ กองทัพไทยขอร่วมแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และกองทัพจะยังคงปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งและเสียสละ เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และความปลอดภัยของประชาชนชาวไทยอย่างถึงที่สุด
ภาพ :กองทัพบก
#เขมรยิงก่อน
#ProtectThaiSovereignty
#หยุดยิงประชาชน
#CambodiaOpenedFire
ที่มาวาสนา นาน่วม