กัมพูชาออกแถลงการณ์ ประณามไทย ประกาศกฎอัยการศึก ยกระดับการรุกรานทางทหารอย่างชัดเจน อาจเป็นสัญญาณขยายขอบเขตปฎิบัติการ ละเมิดอธิปไตยกัมพูชา
วันที่ 26 ก.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ขแมร์ไทม์ส ของกัมพูชารายงานว่า กระทรวงกลาโหมกัมพูชา ออกแถลงการณ์ประณามอย่างรุนแรง ต่อการที่ไทยประกาศใช้กฎอัยการศึกในจังหวัดชายแดน โดยระบุว่าเป็นการยกระดับการรุกรานทางทหารอย่างชัดเจน และเตือนว่าการกระทำดังกล่าว อาจเป็นสัญญาณของการขยายขอบเขตปฎิบัติการ เพื่อละเมิดอธิปไตยของกัมพูชาในวงกว้างมากยิ่งขึ้น
แถลงการณ์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ในช่วงเช้าของวันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม หลังจากเหตุปะทะกันอย่างรุนแรงต่อเนื่องบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ขณะที่รัฐบาลไทยได้ประกาศใช้กฎอัยการศึกในจังหวัดตราดและจันทบุรีอย่างเป็นทางการ ซึ่งกระทรวงกลาโหมของกัมพูชามองว่าเป็น การจัดวางกำลังทางทหารโดยเจตนา เพื่อยั่วยุและยกระดับสถานการณ์ความตึงเครียด
“แทนที่จะดำเนินมาตรการเพื่อคลี่คลายความขัดแย้ง ประเทศไทยกลับเลือกที่จะปรับท่าทีทางทหารให้แข็งกร้าวยิ่งขึ้น” แถลงการณ์ระบุ ทั้งยังชี้ให้เห็นถึงการระดมกำลังทหารและยุทโธปกรณ์ ภายใต้แผนปฏิบัติการเตรียมพร้อมรบ “จักรพงษ์ภูวนาถ” ของไทยตามแนวชายแดนบริเวณจังหวัดบันเตียเมียนเจยของกัมพูชา
กระทรวงกลาโหมกัมพูชา ยังกล่าวหาว่า ไทยเปิดฉากโจมตีทางทหารต่อกัมพูชาโดยเจตนา ปราศจากการยั่วยุ และโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม การโจมตีครั้งนี้เป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะมาตรา 2(4) ของกฎบัตรสหประชาชาติ พร้อมทั้งใช้การโจมตีทางอากาศและอาวุธลูกปราย ซึ่งส่งผลให้โครงสร้างพื้นฐานของพลเรือนเสียหาย ซึ่งรวมถึงเจดีย์ ศูนย์สุขภาพ ปั๊มน้ำมัน ตลาด และบางส่วนของปราสาทพระวิหาร ที่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก
“การเตรียมกำลังทางทหารโดยเจตนาเหล่านี้ เผยให้เห็นถึงความตั้งใจของไทยที่จะขยายการรุกรานและละเมิดอธิปไตยของกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง” แถลงการณ์ระบุ
นอกจากจะประณามการประกาศกฎอัยการศึกของไทยแล้ว กระทรวงกลาโหมกัมพูชายังปฏิเสธข้อกล่าวหาของไทย ที่เกี่ยวกับการวางทุ่นระเบิด โดยระบุว่าเป็นข้อกล่าวหาที่ปราศจากมูลความจริง และกล่าวหาว่าไทยสร้างเรื่องขึ้น เพื่อสร้างความชอบธรรมต่อการรุกรานในวงกว้าง
แถลงการณ์ยังเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศ รวมถึง คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ อาเซียน และภาคส่วนอื่นๆ ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก ออกมาประณามการกระทำของไทย และป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลามบานปลายไปมากกว่านี้
กระทรวงกลาโหมกัมพูชาระบุด้วยว่า กัมพูชายังคงยึดมั่นอย่างแน่วแน่ต่อการแก้ไขข้อพิพาทโดยสันติวิธีตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ พร้อมยืนยันสิทธิในการป้องกันตนเองของกัมพูชาตามมาตราที่ 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ.