จังหวัดอุบลราชธานีอัญเชิญเทียนพรรษาพระราชทาน และผ้าอาบน้ำฝนพระราชทาน เตรียมร่วมขบวนแห่เทียนเข้าพรรษา ประจำปี 2568
วันที่ 6 กรกฎาคม 2568 เวลา 08.30 น.จังหวัดอุบลราชธานีได้จัดพิธีอัญเชิญเทียนพรรษาพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และผ้าอาบน้ำฝนพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาประดิษฐาน ณ ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเตรียมอัญเชิญร่วมขบวนในงานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาอันยิ่งใหญ่ของจังหวัด
ในพิธีอัญเชิญครั้งนี้ ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมด้วยนายภพ ภูสมปอง ว่าที่ร้อยตรีกรกฎ ประเสริฐวงษ์ และร้อยตรี สรมงคล มงคละสิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัด รวมถึงนางอุไรรัตน์ น้อยสุวรรณ นายกเหล่ากาชาดจังหวัด ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา และประชาชน ร่วมในขบวนอัญเชิญด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
ขบวนเคลื่อนออกจากท่าอากาศยานนานาชาติอุบลราชธานี มายังบริเวณโถงชั้น 1 ของศาลากลางจังหวัด เพื่อจัดเตรียมเทียนพรรษาพระราชทานไว้บนรถบุษบกอย่างสง่างาม เตรียมเข้าร่วมในขบวนแห่เทียนพรรษาประจำปี ซึ่งนับเป็นงานสำคัญระดับชาติที่ประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจ
ลักษณะของเทียนพรรษาพระราชทาน
เทียนพรรษาพระราชทาน เป็นเทียนหล่อสำเร็จประดับด้วยลวดลายไทยงดงาม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 นิ้ว สูงประมาณ 1 เมตร ทรงแปดเหลี่ยม ลำต้นสีแดง โคนและยอดสีทอง ตั้งอยู่บนฐานไม้ทรงแปดเหลี่ยมคล้ายพาน พร้อมสิ่งของพระราชทานประกอบด้วย ใจฝ้ายสำหรับทำไส้เทียน 1 ใจ, เทียนชนวนทำจากขี้ผึ้งแท้ 1 เล่ม และไม้ขีด 1 กลัก
ความเป็นมาแห่งพระราชทานเทียนพรรษา
นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522 จังหวัดอุบลราชธานีได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานเทียนพรรษาจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อนำมาเป็นเทียนชัยมิ่งมงคลในขบวนแห่ และถวายบูชาพระรัตนตรัยในพระอารามหลวงของจังหวัด โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานเทียนพรรษาเป็นกรณีพิเศษเป็นประจำทุกปี จังหวัดอุบลราชธานีจึงเป็นจังหวัดเดียวในประเทศไทยที่ได้รับพระราชทานเทียนพรรษาเป็นประจำต่อเนื่องตลอดมา
นับเป็นสิริมงคลสูงสุดของชาวอุบลราชธานี ที่ได้รับพระราชทานทั้งเทียนพรรษาและผ้าอาบน้ำฝน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความเมตตาและพระบารมีอันยิ่งใหญ่ และเป็นแรงใจสำคัญในการสืบสานงานประเพณีแห่เทียนพรรษาให้คงอยู่คู่จังหวัดอุบลราชธานีตลอดไป.