โรงพยาบาลสรรพสิทธิฯ เผยสถิติผู้ป่วยต่างชาติหดตัว ชี้ผลจากนโยบายจำกัดเวลาเปิดด่าน หลังมาตรการคุมด่านชายแดนมีผล
วันที่ 18 มิถุนายน 2568 หลังมาตรการควบคุมเวลาเปิด-ปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชาถูกบังคับใช้ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์พบจำนวนผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เข้ารับการรักษาลดลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะผู้ที่เคยผ่านเข้ามาทางด่านช่องจอม (จ.สุรินทร์) และช่องชะงำ (จ.ศรีสะเกษ)
เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลระบุว่า ปริมาณผู้ป่วยจากประเทศเพื่อนบ้านลดลงตั้งแต่ก่อนมีการปรับเปลี่ยนเวลาทำการด่านเสียอีก ส่วนหนึ่งเพราะชาวกัมพูชาบางรายเริ่มหันไปรับการรักษาที่สถานพยาบาลใกล้ชายแดนฝั่งตนเอง หรือมอบหมายให้คนรู้จักรับยาแทนโดยไม่เข้ามารักษาด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลยืนยันยังให้การดูแลผู้ป่วยชาวกัมพูชาเหมือนเดิม ไม่เลือกปฏิบัติ และยังยึดหลักมนุษยธรรมในการรักษาผู้ป่วยทุกเชื้อชาติ
ด้านแรงงานชาวกัมพูชา 2 คน ที่เดินทางเข้ามาทำงานในไทยภายใต้ระบบ MOU กล่าวว่าพวกเขายังไม่ต้องการเดินทางกลับประเทศ แม้มีนโยบายจากรัฐบาลต้นทาง เพราะพึงพอใจกับสภาพการทำงานในไทย
นายสาโรจน์ ลอง และนางนาสาริน ยอง คู่สามีภรรยาจากกรุงพนมเปญ ซึ่งทำงานก่อสร้างใน จ.อุบลราชธานี เผยว่า พวกเขาเพิ่งมาทำงานได้เพียง 2-3 เดือน นายจ้างดูแลดี มีรายได้ประจำ และสุขภาพยังแข็งแรง พร้อมฝากความห่วงใยถึงครอบครัวในกัมพูชาให้สบายใจ
“อยู่ที่ไทยเราสบายดี รายได้ก็เพียงพอ ยังมีแรงทำงาน ไม่อยากเสียโอกาสกลับไปโดยไม่มีรายได้เหมือนตอนอยู่ที่นี่” ทั้งคู่กล่าวปิดท้าย.