ทัพไทย-ลาว ผนึกกำลังครั้งใหญ่! ลงนาม MOU ปราบยาเสพติด-สิ่งผิดกฎหมาย ยกระดับความสัมพันธ์ชายแดน
นครพนม, 10 มิถุนายน 2568 – ความร่วมมือระหว่างกองทัพไทยและกองทัพลาวแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา คณะทหารจากจังหวัดนครพนม ประเทศไทย และแขวงคำม่วน สปป.ลาว ได้จัดการประชุมพบปะแลกเปลี่ยนการปฏิบัติงานร่วมกัน ครั้งที่ 5 ประจำปี 2568 ณ ห้องประชุมแขวงทางหลวงนครพนม สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) ซึ่งนับเป็นการตอกย้ำสายสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ และได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ครั้งสำคัญ เพื่อร่วมกันปราบปรามยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายทุกรูปแบบตามแนวชายแดน
การประชุมครั้งนี้ นำโดย พันเอกศิวดล ยาคล้าย ผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 1 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี และผู้อำนวยการส่วนอำนวยการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดฯ จากฝ่ายไทย พร้อมด้วยหน่วยงานด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง อาทิ หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.), ตำรวจตระเวนชายแดน, ตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม และฝ่ายปกครอง ได้ให้การต้อนรับ พันเอก บุนเลิด บุบผาวัน หัวหน้าการทหารกองบัญชาการทหาร แขวงคำม่วน สปป.ลาว และคณะ การลงนาม MOU ในครั้งนี้เป็นการยกระดับการประสานงานในการวางแผนการปฏิบัติงานเพื่อสกัดกั้นและแก้ไขปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดนไทย-ลาว ระหว่างจังหวัดนครพนมและแขวงคำม่วนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
นอกจากวาระการประชุมและลงนามความร่วมมือแล้ว คณะทหารทั้งสองฝ่ายยังได้เดินทางไปยังวัดพระบาทเวินปลา ตำบลเวินพระบาท อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม เพื่อร่วมกิจกรรมโครงการหมู่บ้านเข้มแข็งคู่ขนานตามแนวชายแดน โครงการนี้มุ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้นำทหารและผู้นำท้องถิ่นของประเทศเพื่อนบ้านในระดับพื้นที่ ส่งผลให้เกิดความร่วมมือและความเข้าใจในการทำงาน สอดคล้องกับนโยบายของทั้งสองประเทศที่มุ่งแก้ไขปัญหาความมั่นคงของชาติ และส่งเสริมคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ชายแดน นอกจากนี้ยังมีการร่วมกิจกรรม CSR ด้วยการมอบพันธุ์ปลานิลจิตรดา 3,000 ตัว และพันธุ์ไม้พยูง, ไม้สัก, ไม้มะฮอกกานี 400 ต้น รวมถึงการมอบไม้ท้าวลุงยักษ์ และร่วมกันปลูกต้นไม้ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน พัฒนาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชน และส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางด้านวิถีชีวิต วัฒนธรรม และความรู้ความเข้าใจร่วมกัน
แผนปฏิบัติการร่วมมือปี 2568 สองฝ่ายได้เห็นชอบร่วมกันในการเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ซึ่งอาจถูกใช้โดยกลุ่มขบวนการลำเลียงยาเสพติด หรือกลุ่มผู้กระทำผิดกฎหมายอื่นๆ โดยจะมีการประสานงานและสนับสนุนการปฏิบัติร่วมกันอย่างใกล้ชิด และจะส่งผลการตรวจสอบซึ่งกันและกันเมื่อทราบข้อเท็จจริง
ที่สำคัญ สองฝ่ายยังเห็นควรให้มีการ ลาดตระเวนร่วมกันอย่างเป็นทางการ 3 เดือน/ครั้ง และ จัดการประชุมพบปะแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร 6 เดือน/ครั้ง โดยจะสลับกันเป็นเจ้าภาพ นอกจากนี้ยังจะมีการประสานงานร่วมมือแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเครือข่ายเป้าหมายยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีแผนติดตามเป้าหมายคดียาเสพติด อีกฝ่ายหนึ่งจะร่วมมืออย่างรวดเร็วและทันท่วงที
ความร่วมมือยังครอบคลุมถึงการตรวจสอบกิจการท่าทรายของผู้ประกอบการ หรือการจัดตั้งของบริษัทเหมืองแร่ (ดูดทราย) ตามแนวชายแดนแม่น้ำโขง ที่ดำเนินการไม่ถูกต้องตามกฎหมายของแต่ละประเทศ โดยจะมีการส่งผลการตรวจสอบซึ่งกันและกัน และหากมีการละเมิดกฎหมายเกิดขึ้น ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันตรวจสอบพื้นที่จริง และร่วมมือกันยุติปัญหา ณ แนวชายแดน เพื่อไม่ให้ปัญหาขยายวงกว้างในพื้นที่จังหวัดนครพนม-แขวงคำม่วน
ในส่วนสุดท้ายของการประชุม สองฝ่ายยังเห็นควรให้มีการประสานงานผ่านกลไกชุดประสานงานประจำพื้นที่ชายแดน หากมีการส่งตัวผู้ต้องหาข้ามแดน ซึ่งบันทึกการประชุมฉบับนี้จัดทำขึ้น 4 ฉบับ เป็น 2 ภาษา (ไทยและลาว) โดยแต่ละฝ่ายจัดเก็บไว้ 2 ฉบับ เพื่อเป็นนโยบายในการปฏิบัติต่อไป
การประชุมและการลงนาม MOU ในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทั้งสองประเทศในการร่วมกันแก้ไขปัญหาชายแดนอย่างยั่งยืน และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขงให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น.