ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย สั่งเปิดปฏิบัติการ “เชียงรายฟ้าใส…ไร้ท่อม” จัดระเบียบสังคมร้านจำหน่ายน้ำต้มใบกระท่อมที่เป็นแหล่งมั่วสุมของเด็กวัยรุ่นในยามวิกาล

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย สั่งเปิดปฏิบัติการ “เชียงรายฟ้าใส…ไร้ท่อม” จัดระเบียบสังคมร้านจำหน่ายน้ำต้มใบกระท่อมที่เป็นแหล่งมั่วสุมของเด็กวัยรุ่นในยามวิกาล ตามนโยบาย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และ นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง จับร้านจำหน่ายกัญชาและน้ำต้มใบกระท่อมเถื่อนในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงราย

วันที่ 4 มิถุนายน 2568 เวลา 22.00 น. ภายใต้การอำนวยการของ นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พลตำรวจตรี มานพ เสนากูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย นายสุพจน์ แสนมี ปลัดจังหวัดเชียงราย นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย และ พันตำรวจเอกโสภณ ม่วงเฟื่อง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงราย ได้สั่งการให้กลุ่มงานความมั่นคง ที่ทำการปกครองจังหวัดเชียงราย นำโดย นายวิศิษฐ์ ทวนชีพ ป้องกันจังหวัดเชียงราย ร่วมกับที่ทำการปกครองอำเภอเมืองเชียงราย และสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงราย ดำเนินการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายกับสถานประกอบการร้านจำหน่ายกัญชา ชื่อ “เดอะ ปั๋ง” ตั้งอยู่เลขที่ 30/1 หมู่ที่ 9 ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย สืบเนื่องจากที่ได้รับการร้องเรียนว่าสถานประกอบการดังกล่าว มีการจำหน่ายกัญชาและน้ำต้มใบกระท่อมให้กับกลุ่มวัยรุ่นจนกลายเป็นแหล่งมั่วสุมส่งเสียงดังรบกวนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงในยามวิกาล

จากการตรวจสอบพฤติการณ์ของร้านพบว่ามีการเปิดจำหน่ายช่อดอกกัญชาแห้งโดยไม่ได้รับอนุญาตและมีการจำหน่ายน้ำต้มใบกระท่อมปรุงรสให้กับกลุ่มวัยรุ่น โดยเปิดพื้นที่ของร้านให้กลุ่มวัยรุ่นเข้าไปนั่งมั่วสุมส่งเสียงดังรบกวนผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียง ซึ่งขณะเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบผู้แสดงตนเป็นเจ้าของร้าน จำนวน 1 ราย คือ นายอินเนอร์ (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี และพบกลุ่มวัยรุ่นกำลังนั่งดื่มน้ำต้มใบกระท่อมปรุงรสอยู่ภายในร้าน จำนวน 7 คน อายุระหว่าง 19 ปี ถึง 23 ปี โดยน้ำต้มใบกระท่อมที่นำมาจำหน่ายเป็นแบบปรุงแต่งรสชาติที่เจ้าของต้มปรุงเองแล้วบรรจุในขวดพลาสติกใสไม่มีฉลากใดๆ และนำมาจำหน่ายในราคาขวดละ 120 บาท จากการสอบถามผู้ที่อาศัยบริเวณใกล้เคียงได้ข้อมูลว่าลูกค้าของร้านดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่นที่นิยมชื่นชอบการดัดแปลงแต่งรถจักรยานยนต์ทำให้ผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงมักได้รับความเดือดร้อนจากเสียงท่อรถจักรยานยนต์ของกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงซึ่งได้รับผลกระทบจากกลิ่นและควันที่เกิดขึ้นจากการเสพกัญชาภายในร้านจนต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกด้วย เจ้าหน้าที่จึงตั้งข้อกล่าวหาต่อเจ้าของร้านใน 2 ฐานความผิด คือ 1. จำหน่ายอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้าหรือจำหน่ายโดยประกาศกระทรวงสาธารณสุข(น้ำกระท่อม) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย อันเป็นการฝ่าฝืนประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 430) พ.ศ.2564 ออกตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522 เรื่องกำหนดอาหารที่ห้ามผลิต น้ำเข้า หรือจำหน่ายตามบัญชีแนบท้ายประกาศ ลำดับที่ 52 (กระท่อม) อันเป็นความผิดตามมาตรา 6(8) ประกอบมาตรา 50 ของพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 ตองระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสองปและปรับตั้งแต่ห้าพันบาทถึงสองหมื่นบาท และ 2. จำหน่ายสมุนไพร (กัญชา) ควบคุมเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 46 มีความผิดตามมาตรา 78 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงรายดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป