เผย เริ่มต้นใช้หญ้าหวานล่อ มากว่า 1 ปี จากนั้นเดือนเมษาหญ้าเริ่มขม โดนงวดแรก 330,000 งวดสอง 440,000 งวดสุดท้าย 710,000 รวม 1.5 ล้านบาท อ้าง ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย พร้อมติดคุก ขณะที่พ่อ เพิ่งผ่านการเลือกตั้งได้เป็น ส.ท. บอกปัด ไม่รู้เห็น
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 26 พฤษภาคม 2568 น.ส.ไพริน คำแก้ม (เบลอหน้า) อายุ 44 ปี แม่ค้าขายสลากกินแบ่งรัฐบาล หอบหลักฐานเป็นใบแจ้งความของ 2 สถานีตำรวจ ทั้ง สภ.บางแก้ว จ.สมุทรปราการ และ สภ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน พร้อมเอกสารการแชตไลน์สนทนา และการส่งสลิปโอนเงิน รวมถึงข้อมูลต่าง ๆ ของคู่กรณีกับพ่อที่เป็น ส.ท. โดยหลังจากที่ถูกโกงเงิน พยายามติดต่อเจรจากับคู่กรณี แต่ดูเหมือนความหวังจะได้เงินคืนมีน้อยเหลือเกิน เนื่องจากคู่กรณีมักพูดว่า “ยอมติดคุก ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย” ส่วนพ่อที่เป็น ส.ท.บอกปัด รับผิดชอบ
น.ส.ไพริน คำแก้ม แม่ค้าขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้าที่เศร้าหมองและกังวล กล่าวว่า ก่อนที่จะมาขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ตนเคยทำงานเป็นพนักงานของธนาคารสีม่วงมาก่อน แต่ต้องลาออกเนื่องจากถูกย้ายให้ไปประจำสาขาที่ต่างจังหวัด ตนไม่สามารถไปได้เนื่องจากต้องดูแลแม่วัยชราที่ป่วยและลูกเล็กวัย 2 ปีกับ 16 ปี ตนเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เป็นเสาหลักของครอบครัว จึงต้องดิ้นรนทำมาหากิน นำเงินเก็บที่มีมาลงทุนซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล เร่ขายในช่วงกลางคืน ส่วนกลางวันต้องดูแลแม่ชรากับลูกเล็ก
หลังจากขายสลากฯได้ 1 ปี ตนได้รับการแนะนำจากแม่ค้าด้วยกันให้รู้จักกับคู่กรณี ชื่อ น.ส.ชลธิชา นิธิเมสานนท์ อายุ 38 ปี ที่อยู่ตามบัตรประชาชนเลขที่ 24/1 หมู่ที่ 3 ต.ต้นธง อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน ซึ่งเป็นแม่ค้าสลากรายใหญ่ขึ้นมา หรือ ที่อาจเรียกว่า ซาปั๊ว ยื่นข้อเสนอให้ตนนำเงินไปลงทุนเพื่อซื้อสลากฯ โดยสลาก 1 ใบจะขายได้กำไรใบละ 20 บาท ตนจะได้รับส่วนแบ่งใบละ 9 บาท ส่วน คู่กรณีได้ใบละ 11 บาท หลังจากขายร่วมกันแบบราบรื่นได้ประมาณ 1 ปี เดือนเมษายน 2568 ที่ผ่านมา เริ่มมีปัญหา เมื่อ น.ส.ชลธิชา คู่กรณี ไม่เคลียร์เงินให้เหมือนเคย ซึ่งมียอดค้างอยู่ 3 งวด งวดแรก 330,000 งวดสอง 440,000 งวดสุดท้าย 710,000 รวมทั้งหมด 1.5 ล้านบาท จากนั้นก็ติดต่อไม่ได้ ตนพยายามตามหา กระทั่งติดต่อได้และพูดคุยเจรจากันที่ สภ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน คู่กรณี อ้างว่าธุรกิจล้มขาดทุนไม่มีเงินคืนให้ ขอเวลา 3 เดือนเปลี่ยนงานใหม่ จะหาเงินใช้หนี้ให้กับตน หากไม่มีจะยอมให้ดำเนินคดีตามกฎหมายพร้อมติดคุก ส่วนพ่อที่เป็น ส.ท.และไปด้วยกัน บอกให้ไปเคลียร์กับลูกสาวพ่อไม่รับรู้ ซึ่งตนทราบว่า คู่กรณียังประกอบอาชีพขายสลากฯและใช้ชีวิตเหมือนเดิม แต่ไม่ยอมใช้หนี้ โดยก่อนหน้าที่จะโกงเงินของตน คู่กรณียังไปโกงเงินคนอื่นด้วย รวมความเสียหายแล้วประมาณ 3-5 ล้านบาท ตนจึงสงสัยว่าเงินมากขนาดนี้จะหายไปไหนหรือจะโกงมาเก็บไว้เอง แต่มักอ้าง ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจฯบอกเป็นคดีแพ่ง ให้ไปจ้างทนายความฟ้องศาลเอาเอง ทำให้ตนเกิดความเครียดจะเอาเงินที่ไหนไปจ้างทนาย เงินใช้จ่ายในบ้านยังแทบไม่มีเลย เงิน 1.5 ล้านบาท ก้อนนี้สำคัญกับครอบครัวของตนมาก หากไม่ได้เงินคืน แล้ว 4 คนจะใช้ชีวิตต่อไปกันได้อย่างไร จึงอยากฝากผ่านสื่อฯ ไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยครอบครัวของตนด้วย
*****************************
อัญมณี คงสินธ์ / เจริญพงษ์ นาคขำ จ.สมุทรปราการ
