คุณครูโรงเรียนแห่งหนึ่งย่านพระประแดง นำคลิปกล้องวงจรปิด เข้าร้องขอความเป็นธรรมกับทนายนิดา หลังถูกตำรวจขับรถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนทำให้ครูและแม่ที่ซ้อนท้ายมาได้รับบาดเจ็บ และรถก็พังเสียหาย แต่ร้อยเวรชี้ประมาทร่วม และตำรวจคู่กรณีส่งข้อความทางไลน์เชิงข่ม เมียก็เป็นทนาย
จากกรณี เพจ ทนายนิดา ได้โพสต์ข้อความพร้อมคลิปวงจรปิด ข้อความในโพสต์ว่า …ตำรวจ สภ พระประแดงปะคะ… เคสนี้จบยังไง คนถูกชนบอกจบที่ร้อยเวรบอกประมาททั้งคู่ ทั้งที่เป็นเลนสวน รถตำรวจแซงสวนเลนมาชนเขา ทั้งที่เปิดไฟเลี้ยวแล้วยังไม่ชดใช้ค่ารักษาอะไรเลย อันนี้จริงปะคะ พร้อมกับคลิปกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ได้ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 8 ก.ย. 2567 เวลาประมาณ 06.20 น. บริเวณปากซอยสุขสวัสดิ์ 78 แยกที่ 21 เขตพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.พระประแดง
ตอนเกิดเหตุมีรถจักรยานยนต์ของคุณครูโดยมีคุณแม่ซ้อนท้ายมาด้วย โดยรถคุณครูเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวขวาเพื่อจะเข้าซอย เป็นจังหวะเดียวกันกับที่มีรถจักรยานยนต์ ที่ตามหลังมาโดยผู้ขับขี่แต่งตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ พุ่งชนรถของคุณครูจนล้ม และได้รับบาดเจ็บ รถก็ได้รับความเสียหาย ส่วนรถเจ้าหน้าที่ตำรวจล้มกระเด็นไถลไปอัดกับเสาป้ายข้างทาง
จากนั้นคู่กรณีทั้งคุณครูและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เดินทางไปที่ สภ.พระประแดง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งตรวจสอบกล้องวงจรปิด ที่บันทึกไว้ เป็นหลักฐานให้เจ้าพนักงานสอบสวนดู แล้วได้ชี้ว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดจากความประมาททั้งคู่ ทางเจ้าพนักงานสอบสวนจึงแจ้งฐานความผิดและให้ไปดำเนินการเสียค่าปรับทั้งคู่ คนละ 500 บาท ส่วนทางครูพนักงานแจ้งว่ามาตรา ๕๒ ในทางเดินรถที่สวนกันได้ ห้ามมิให้ผู้ขับขี่กลับรถหรือเลี้ยวรถทางขวาในเมื่อมีรถอื่นสวนหรือ ตามมาในระยะน้อยกว่าหนึ่งร้อยเมตร เว้นแต่เมื่อเห็นว่าปลอดภัย และไม่เป็นการกีดขวางการจราจรของรถอื่น
ล่าสุด วันที่ 23 พฤษภาคม 2568 ทีมข่าวเรา ได้ลงไปหาข้อมูลจึงทราบว่า เมื่อ วันที่ 8 กันยายน 2567 เวลาประมาณ 06.20 น. ได้มีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เชี่ยวชนกันบริเวณปากซอยสุขสวัสดิ์ 78 แยก 21 ระหว่าง น.ส.สุนิสา บูชา อายุ 33 ปี ได้ขับรถจักรยานยนต์ ทะเบียน 1 กฉ 13 สมุทรสาคร ซึ่งมีแม่นั่งซ้อนท้ายมาด้วยและได้รับบาดเจ็บ ส่วนรถคู่กรณีเป็นรถจักรยานยนต์ ยี่ห่อ ยามาฮ่า เอ็นแม็ก ทะเบียนตราโล่ 08169 มี ด.ต.ภูวเดช พลสว่าง สังกัดกองบัญชาการตำรวจจราจรกลาง (บก.02) เป็นผู้ขับขี่ รถได้เสียหลักไถลไปชนกับเสาป้ายข้างทางจนได้รับบาดเจ็บ
โดยหลังจากเกิดเหตุ ได้เดินทางเข้าแจ้งความ เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2567 เวลา ประมาณ 14.20 น. ระหว่างนั้นได้พยายามพูดคุยและช่วยเหลือเยียวยากัน โดยพูดคุยกันทางไลน์ แต่สุดท้าย ก็ไม่สามารถ พูดคุยกันได้ เกี่ยวกับความเสียหาย จนทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจคู่กรณี ได้ส่งข้อความ ผ่านทาง LINE ไปหาครูคู่กรณี และมีข้อความเหมือนเชิงข่มว่า “ภรรยาเป็นทนายความ” จนทำให้ คู่กรณีซึ่งเป็นครู ดูแล้วไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะคู่กรณีได้ออกมาคุยเชิงข่ม
ทีมข่าวเราได้เดินทางไปพบกับ นางสาว สุนิสา บูชา อายุ 33 ปี ครูสาว ผู้ประสบเหตุ ได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังผู้สื่อข่าวฟังว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2567 ซึ่งเป็นวันอาทิตย์ช่วงเช้า ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มากับคุณแม่ มุ่งหน้าปากซอยสุขสวัสดิ์ 78 ซึ่งเป็นเลนส์สวนทางกัน ขณะเดียวกันได้ขับรถขึ้นสะพานจากนั้นได้เปิดไฟเลี้ยวขวาเพื่อที่จะเข้าทางลัด จากนั้นได้ขับชะลอเพื่อให้คันอื่นรู้ว่าตนเองต้องการที่จะเลี้ยวเข้าซอยเล็กด้านขวา จากนั้นจึงได้มองกระจกหลังพบว่ามีรถตามหลังมาจำนวนสองคันได้หลบทางและเบี่ยงไปทางซ้ายให้ ซึ่งตนเองคิดว่าปลอดภัยแล้ว ขณะเดียวกัน ได้มีรถของตำรวจพุ่งชนรถจักรยานยนต์ของตนเองทางด้านขวา
ซึ่งตนเองยอมรับว่ามองไม่เห็นรถจักรยานยนต์ของตำรวจคนดังกล่าว จากนั้นรถจักรยานยนต์ของตนเองได้ล้มลงและคิดว่า ตนเองจะกระดูกหักแต่แค่ฟกช้ำแขน พักฟื้นสองอาทิตย์ ส่วนคุณแม่ ล้มลงท่านั่งก้นกบช้ำ ซึ่งคุณหมอแจ้งว่า หากก้นกบแตกอาจจะเดินไม่ได้ โชคดีที่มันแค่ช้ำ หลังจากชนกันเรียบร้อยแล้ว จึงได้มีการพูดคุยกันว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะรับผิดชอบซ่อมรถในส่วนที่เสียหายให้ทั้งหมด พร้อมกับถอดหมวกและยกมือไหว้แม่ของตนเอง ซึ่งตนเองมองว่าเขายอมรับผิด ส่วนค่ารักษาพยาบาลตนเองไม่ได้ติดใจ เนื่องจากเป็นข้าราชการจะไปใช้สิทธิ์ข้าราชการรักษา จากนั้นตำรวจคนดังกล่าวได้พาไปร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ แต่เนื่องจากร้านปิดจึงจอดรถทิ้งไว้ หลังจากนั้นตนเองจึงย้อนกลับมาที่ร้านอีกครั้ง และเจ้าของร้านแจ้งว่า ตำรวจให้ซ่อมเพียงแค่มือกำเบรก ส่วนชิ้นอื่นไม่ได้รับผิดชอบให้ซ่อม ตนเองจึงแย้งไปว่าเสียหายหลายชิ้นจึงแจ้งให้เจ้าของร้านบอกตำรวจ ซึ่งตนเองขี้เกียจคุย ตนเองมองแล้วว่าน่าจะคุยยาก
จากนั้นตนเองจึงได้ให้คุณแม่ไปขอใบรับรองแพทย์ตามสิทธิ์ประกันสังคม หลังจากนั้นช่วงเวลาประมาณ 6 โมงเย็น ตำรวจนายดังกล่าวได้โทรติดต่อกลับมา และพูดกับตนเองว่าทำไมอาจารย์เรื่องมากขนาดนี้ ผมซ่อมให้แค่นี้ก็บุญแล้ว จริงๆอาจารย์เป็นคนผิดด้วยซ้ำ ตำรวจจราจรคนดังกล่าวพูด ซึ่งตนเองแจ้งว่าถ้าผิดอธิบายมาเลยจากนั้นจึงได้แลก LINE กัน และตนเองจึงได้แคปหน้าจอ LINE ไว้ ซึ่งตนเองได้บอกไปว่า อีกแค่ไม่กี่ชิ้นเอง เพื่อป้องกันน้ำเข้า เนื่องจากเขตพระสมุทรเจดีย์มีน้ำท่วมขังบ่อย
หลังจากนั้นพูดคุยกันไม่รู้เรื่องตนเองจึงตัดสินใจในวันรุ่งขึ้นมาแจ้งความที่สถานีตำรวจ สภ.พระประแดง พร้อมกับหลักฐานการคุยและใบรับรองแพทย์ พร้อมกับบอกไปว่า รอให้ศาลพิจารณาแล้วกัน จากนั้นตำรวจคนดังกล่าวพูดว่าจะฟ้องกลับได้ใช่ไหม ซึ่งหากตนเองผิดก็พร้อมที่จะรับผิดชอบอาจารย์กล่าว โดยตำรวจคนดังกล่าวได้อ้างว่า แฟนสาวของตนนั้นเป็นทนายความพร้อมข่มขู่ จึงทำให้เรื่องดังกล่าวตกลงกันไม่ได้
ซึ่งตนเองยอมรับว่ากลัว เนื่องจากเค้าเป็นตำรวจจราจร เนื่องจากเค้าใช้กฎหมายทุกวันและภรรยาของเขาก็เป็นทนายความ ซึ่งใช้กฎหมายทุกวัน ตนเองจึงต้องป้องกันตนไว้ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเปรียบเทียบปรับได้แจ้งกับตนเองว่ามาตรา 390 ทั้งคู่คือประมาทร่วม
ตนเองมองว่ามันรู้สึกแปลกแปลก เนื่องจากตนเองดูความปลอดภัยบริเวณด้านหลัง และด้านข้างแล้ว แต่ไม่พบรถตำรวจคันดังกล่าว ซึ่งมองว่าปลอดภัยแล้วจึงเลี้ยว แต่ตนเองมาโดนข้อหาประมาทร่วม จึงยอมรับกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และนำกลับไปศึกษาซึ่งตนเองอยากขอคำชี้แจงจากต้นสังกัดที่นายตำรวจคนดังกล่าวสังกัดอยู่ เพื่อที่จะได้ให้ระมัดระวังหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ซึ่งตำรวจคนดังกล่าวก็ชี้แจงว่า มองไม่เห็นรถของตนเองที่กำลังจะเลี้ยว แต่เลือกที่จะแซงขึ้นมา ทั้งทั้งที่เป็นจุดอับสายตาแบบนี้หมายความว่าอะไร
ตนเองจึงปรึกษาทนายนิด้า โดยทนายแจ้งว่าคดียังไม่หมดอายุความ สามารถช่วยได้ซึ่งตนเองมองว่า เป็นคดีลหุโทษเล็กน้อย มูลค่าความเสียหายไม่มาก รวมถึงไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงไม่กล้ารบกวนทนายนิด้า ตนเองมองว่าหากไปขึ้นศาลก็จะเสียเวลายืดเยื้อ ซึ่งตนเองอยากจะให้ชี้แจงเพิ่มเติมในมาตรา 52 วรรค 1 ในเรื่องให้ระวังเรื่องที่สวนมา คนที่ขับตามกันมา
ซึ่งตนเองมองว่าได้ขับตามกันมาจริงหรือเปล่าหรือแซงขึ้นมา จึงอยากให้ชี้แจงเพิ่มเติมอีกครั้ง ตนเองก็จะไม่กลับไปพูดคุยที่ สภ.พระประแดงแล้ว เนื่องจากได้ชี้แจงมาแล้ว ส่วนเรื่องที่ตำรวจคนดังกล่าว อ้างว่าภรรยาเป็นทนายความ ซึ่งตนเองยังไม่เคยเห็นมาด้วยเลยทุกครั้งที่เจอกัน ก็เจอแต่ตำรวจคนนี้คนเดียว
ทางด้าน พ.ต.ท.เชิดชัย ชั้วทอง รอง ผกก.หัวหน้างานพนักงานสอบสวน สภ.พระประแดง กล่าวกับสื่อว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวที่ปรากฏในโลกโซเชียล ตนเองในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน ได้รับมอบหมายจากท่านผู้กำกับ สภ.พระประแดง ให้มาชี้แจงข้อเท็จจริงและรายละเอียด เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2567 ช่วงเช้า ได้เกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกัน คันแรกเป็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดกองบังคับการจราจรและคู่กรณีเป็นประชาชนซึ่งเป็นผู้ใช้เส้นทางภายในซอยสุขสวัสดิ์ 78 ในวันและเวลาดังกล่าว ได้มีการตกลงกันเอง โดยไม่ได้มีการพากันมาพบพนักงานสอบสวน และในวันต่อมาในวันที่ 9 กันยายน ได้พากันมาพบพนักงานสอบสวน ทั้งคู่ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงและเล่ารายละเอียดให้พนักงานสอบสวนฟัง จากนั้นพนักงานสอบสวนจึงได้ใช้ดุลพินิจและวินิจฉัยถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ซึ่งในเบื้องต้นความคิดเห็นของพนักงานสอบสวน จึงได้ชี้แจงให้ทั้งสองฝ่ายได้เข้าใจเกี่ยวกับอุบัติเหตุว่า เกิดจากทั้งสองฝ่าย ส่วนรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจจะผิด พรบ.จราจรในมาตรา 47 ในส่วนของการแซงล้ำไปในช่องทางเดินรถที่สวนมา และต้องใช้ความระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ ส่วนของคู่กรณีที่เป็นชาวบ้าน มีความผิดฐาน พรบ.จราจร มาตรา 52 ในทางเดินรถที่สวนกันห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถหรือกลับรถ หรือเลี้ยวขวาเมื่อมีรถวิ่งสวน หรือตามมาในระยะ น้อยกว่า 100 เมตรโดยในวันดังกล่าวก็ไม่สามารถตกลงกันได้ จึงมาพบพนักงานสอบสวนในภายหลัง ซึ่งพนักงานสอบสวนจึงได้ชี้แจงเหมือนเดิมว่า เกิดจากความประมาทของทั้งสองฝ่าย จึงทำการเปรียบเทียบปรับไป และไม่มีการเรียกร้องค่าเสียหายในทางแพ่งแต่อย่างใด ซึ่งในเคสดังกล่าวทางพนักงานสอบสวนมีคลิปวิดีโอไว้อย่างชัดเจน ตามมาตรา 52 ที่ตนเองได้แจ้งไป ซึ่งต้องมองกระจกมองหลังและรถที่อยู่ด้านหลังด้วย
ส่วนเรื่องของครูถูกข่มขู่ ตนเองรับฟังเพียงข้อเท็จจริงเพียงฝ่ายเดียว หากมีการข่มขู่เกิดขึ้นจริง สามารถที่จะดำเนินคดีต่อไปได้ หากทางผู้ถูกข่มขู่ หรือคู่กรณีอยากให้ข้อมูลเพิ่มเติม ก็ยินดีให้ความเป็นธรรม หรือเข้าพบตนเอง หรือท่านผู้กำกับได้ โดยยืนยันให้ความเป็นธรรม และไม่เข้าข้างกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแน่นอน
*****************************
อัญมณี คงสินธ์ / เจริญพงษ์ นาคขำ จ.สมุทรปราการ
ครูสาว ร้องทนายนิดา ถูกรถตำรวจชน ร้อยเวรชี้ประมาทร่วม และถูกข่มเมียเป็นทนาย

