หน้าแรกอาชญากรรมรวบขบวนการขนแรงงานต่างด้าว เหิมเกริม เรียกพวกใช้รถอีกคันเบียดรถตำรวจหวังเปิดทางหนี

รวบขบวนการขนแรงงานต่างด้าว เหิมเกริม เรียกพวกใช้รถอีกคันเบียดรถตำรวจหวังเปิดทางหนี

กดที่นี่เพื่ออ่านข่าว

 

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) เปิดปฏิบัติการจับกุม แรงงานข้ามชาติจำนวน 15 ราย และจับกุมรถยนต์ผู้ร่วมขบวนการอีก 1 ราย

ที่คอยช่วยเหลือเพื่อให้หลุดพ้นจากการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา รวมทั้งสิ้นจำนวน 16 ราย

1. จับกุมบุคคลต่างด้าวจำนวน 15 ราย ในข้อหา “เป็นบุคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต”

2. จับกุมนายศรชัยฯ อายุ 31 ปี ในข้อหา

– ร่วมกันช่วยเหลือซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ ให้บุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย

– ร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ จนเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของ

ทางราชการเสียหาย

– เป็นผู้ขับขี่เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย

– เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย

– ขับรถไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น

– ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานจราจรให้หยุดรถซึ่งผู้ขับขี่ได้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายการจราจรทางบกหรือกฎหมายอันเกี่ยวกับรถนั้นฯ

ซึ่งนายศรชัยฯ เป็นตัวการร่วมขบวนการที่คอยช่วยเหลือผู้ลักลอบขนแรงงานข้ามชาติให้พ้นจากการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ได้ทำการตรวจยึดของกลางดังนี้

1. รถยนต์กระบะ ยี่ห้อมิซูบิชิ รุ่น ไทรตั้น สีเทา ฉะเชิงเทรา (บรรทุกแรงงานต่างด้าว ซึ่งผู้ขับขี่ได้ทำการหลบหนี อยู่ระหว่างการสืบสวน จับกุม)

2. รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นรีโว สีดำ กทม. (ใช้ในการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการจับกุมขบวนการลักลอบขนแรงงานข้ามชาติ)

3. โทรศัพท์มือถือ ของนายศรชัยฯ จำนวน 1 เครื่อง ที่ใช้ในการติดต่อประสานงานในขบวนการลักลอบ

ขนแรงงานข้ามชาติ

พฤติการณ์กล่าวคือ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล. ได้มีการสืบทราบว่า

จะมีขบวนการนำพาหรือช่วยเหลือบุคคลแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายโดยเดินทางมาจาก ต.บ้องตี้ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี จึงได้นำเรียนผู้บังคับบัญชาทราบ

 

โดย พ.ต.ท.โจ เสาร์ประโคน สว.ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล. ออกปฏิบัติหน้าที่ จนกระทั่ง ได้พบรถยนต์ต้องสงสัย ยี่ห้อมิซูบิชิ รุ่น ไทรตั้น สีเทา ฉะเชิงเทรา ที่บริเวณ สามแยกบ้านเก่าบนถนน ทล.3229 ท่าทางมีพิรุธจึงได้เปิดไฟ และแสดงตัวให้รถยนต์คันดังกล่าวหยุดรถ ผลปรากฏกว่ารถยนต์คันดังกล่าวได้เร่งเครื่องหลบหนีไปยังถนนทางหลวงชนบท 4023 จนกระทั่งมีรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นรีโว สีดำ กทม. ได้ขับขี่เข้ามาเบียดบังเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง เพื่อขัดขวางไม่ให้ติดตามรถยนต์มิตซูบิชิคันดังกล่าว จากนั้นรถทั้งสองคันมุ่งหน้าไปยังถนน 323 กม.ที่ 66 โดยเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุดปฏิบัติการ เพื่อไล่ล่าจับกุมรถทั้ง 2 คัน ชุดปฏิบัติการที่ 1 โดยรถวิทยุ 2601 และ 2616 ได้ติดตามรถยนต์ยี่ห้อ มิซูบิชิ รุ่น ไทรตั้น สีเทา ฉะเชิงเทรา ไปอย่างกระชั้นชิดโดยใช้ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร จนเมื่อไปถึงถนนภายในหมู่บ้านห่งหนึ่ง ม.7 อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี รถยนต์คันดังกล่าวได้มีการเฉี่ยวชนกับรถวิทยุ 2601 ได้รับความเสียหาย และรถคันดังกล่าวยางแตกเสียหลักตกข้างลงทาง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าทำการตรวจสอบพบว่าคนขับรถยนต์คันดังกล่าวได้วิ่งหลบหนีไปในป่าอ้อยข้างทาง จากการตรวจสอบพบชายหญิงชาวเมียนมาจำนวน 15 คน ชาย 10 คน หญิง 4 คน และผู้ติดตาม 1 คน นั่งมาในเก๋งและกระบะด้านท้ายจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอเข้าทำการตรวจสอบ ซึ่งก่อนทำการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายได้แสดงความบริสุทธ์ใจให้ (ผู้ต้องหา 1-14) ดูจนเป็นที่พอใจ จึงได้ตรวจค้นตัวไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย และได้ทำการตรวจค้นภายในรถยนต์คันดังกล่าว ปรากฏว่าพบผู้ต้องหา (ผู้ต้องหาที่ 1-14) และมีผู้ติดตามผู้ต้องหาที่ 14 อีกจำนวน 1 คน นั่งอยู่ภายในรถบริเวณด้านหน้าและที่นั่งด้านหลังกระบะผู้ขับขี่ภายในรถยนต์คันดังกล่าว จึงได้ให้ผู้ต้องหาที่ 1-14 พร้อมผู้ติดตาม 1 คน แสดงเอกสารหลักฐานประจำตัว จากการตรวจสอบไม่พบเอกสารยืนยันตัวตนที่ราชการออกให้ สอบถามผู้ต้องหาที่ 1-14 และ ไม่สามารถสื่อสารหรือพูดภาษาไทยได้ ชุดปฏิบัติการที่ 2 โดยรถวิทยุ 2603 ,2617 ,2623 ได้ติดตามบรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้อโตโยต้า สีดำ กทม. เข้ามากีดขวางการไล่สกัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงต้องแบ่งกำลังเป็น สองส่วนเพิ่มเข้าสกัดจับรถยนต์คันดังกล่าว โดยเริ่มไล่ล่าจับกุมที่ถนนทางหลวงชนบทหมายเลข กจ.4023

ต.บ้านเก่า อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี (เส้นทางเข้าวัดแห่งหนึ่ง) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ขับขี่ติดตามรถยนต์คันดังกล่าวในระยะประชิด และได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยให้สัญญาณเจ้าพนักงานจราจร

ด้วยการเปิดสัญญาณไฟไซเรน และใช้สัญญาณเสียงรวมถึงการพูดออกคำสั่งผ่านไมโครโฟน เพื่อให้รถคันดังกล่าวจอดและจะได้ทำการตรวจค้น แต่เมื่อรถคันดังกล่าวพบเห็นรถยนต์ตรวจการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจขับติดตามมาและได้เห็นสัญญาณไฟรวมถึงได้ยินเสียงคำสั่งเจ้าหน้าที่สั่งให้หยุดรถ จึงได้ขับหลบหนีด้วยการเพิ่มความเร็ว

ซึ่งในระหว่างทางรถยนต์คันดังกล่าวได้ขับขี่หลบหนีด้วยความเร็วสูง มีการแซงปาดซ้ายปาดขวา และขับฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรสีแดง รถคันอื่นมีการเปลี่ยนช่องทางเดินรถกะทันหันเป็นการขับขี่รถโดยประมาทหรือ

น่าหวาดเสียวไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่นเป็นการกระทำที่สร้างความวุ่นวาย และตื่นตระหนกตกใจขึ้นในที่สาธารณะรวมถึงอาจทำให้สุจริตชนได้รับอันตรายจากการกระทำของตน

 

จากนั้นเมื่อมาถึงบริเวณถนนหลักเมือง ต.บ้านเหนือ อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี รถยนต์คันดังกล่าวได้พยาพยามจะขับขี่ชนรถวิทยุตรวจการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงเพื่อเปิดทางหนี แต่ภายหลังรถยนต์ คันดังกล่าวได้หยุดรถ บริเวณถนนหลักเมือง ต.บ้านเหนือ อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี เนื่องจากถูกติดตาม โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง และไม่สามารถหลบหนีต่อไปได้อีก รวมระยะทางการไล่สกัดติดตามจับกุมและระยะทางที่มีการขับขี่รถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียวไม่คำนึงถึงความปลอดภัย เป็นระยะทาง 38 กิโลเมตร จึงได้ทำการตรวจค้นตัว นายศรชัยฯ ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย แต่นายศรชัยฯ รับว่าได้เสพยาบ้ามา จำนวน 2 เม็ด ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้น/จับกุม จึงได้เชิญตัวนายศรชัยฯ มาที่สถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรีและดำเนินคดีต่อไป

 

สรุปการปฏิบัติการในครั้งนี้สามารถจับกุมแรงต่างด้าว และผู้ร่วมขบวนการให้การช่วยเหลือได้ และจะดำเนินการสืบสวน ขยายผล เพื่อทะลายขบวนการลักลอบขนแรงงานข้ามชาติรายอื่นๆ ต่อไป

Ad 1
Ad 2