วันที่ 10 พ.ค.68 พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ปรัชญา ประสานสุข รอง ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1 สั่งการให้ พ.ต.อ.พลสิทธิ์ สุทธิอาจ ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 และ พ.ต.ท.พรชัย สุขเจริญรอง ผกก.ฯ รับผิดชอบงานสืบสวนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตามที่ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. เน้นย้ำ เจ้าหน้าที่ ตม.กำชับให้เพิ่มความเข้มในการตรวจสอบบังคับใช้กฎหมาย โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่รับผิดชอบงานสืบสวนเน้นลงพื้นที่ X-RAY เน้น ผลการจับกุมในลักษณะคนต่างด้าวลักลอบทำงานโดยผิดกฎหมาย หรือทำงานในลักษณะแย่งอาชีพคนไทย ให้มีผลการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่สื่อสังคมออนไลน์มีการแจ้งข้อมูลว่าอาจมีคนต่างด้าวลักลอบทำงานในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
พล.ต.ท.ภานุมาศฯ เปิดเผยว่าต่อมา พล.ต.ต.ประสาธน์ฯ ได้รายงานว่า พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ รอง ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.พลสิทธิ์ สิทธิอาจผกก.สืบสวน บก.ตม.1 รับทราบเบาะแสว่ามีชายรูปพรรณสัณฐานคล้ายคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาที่ก่อเหตุทำร้ายร่างกายคนสัญชาติเมียนมาด้วยกัน เมื่อต้นเดือน พ.ค.68 จากกรณีกลุ่มวัยรุ่นเมียนมาดินแดง เขม่นกันในงานวัดซึ่งจัดขึ้นในเขตห้วยขวาง และต่อมาบานปลายใช้อาวุธทำร้ายกันเหตุเกิดล่วงเลยมาถึงในพื้นที่ สน.สุทธิสาร อาจเคยปรากฏตัวที่ร้านอาหาร หรือร้านนวด ในเขตห้วยขวาง สุทธิสาร หรือโชคชัย นั้น
จึงได้สั่งการให้ทีมสืบ ตม.1 นำโดย พ.ต.ท.พรชัย สุขเจริญ รอง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1, พ.ต.ต.เจตน์ ยุทธโยธิน สว.กก.สืบสวน บก.ตม.1 บูรณาการกำลังร่วมทีมกับ นายณฐกร จานเขื่อง นักวิชาการแรงงานชำนาญการ รักษาการในตำแหน่งนักวิชาการแรงงานชำนาญการพิเศษ ลงพื้นที่สืบสวนและปูพรมตรวจ กวาดล้าง คนต่างด้าวที่ผิดกฎหมายตลอดจนพิสูจน์ทราบบุคคลตามเป้าหมายดังกล่าว
เมื่อวันที่ 9 พ.ค.68 ต่อเนื่องเช้ามืดวันที่ 10 พ.ค.68 ชุดปฏิบัติการผสมจึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านนวด ร้านอาหาร และชุมชน ในเขตพื้นที่สุทธิสาร บางซื่อ และโชคชัย จำนวน 10 เป้าหมายดังนี้
– ร้านนวด จำนวน 4 ร้าน
– ร้านอาหาร จำนวน 2 ร้าน
– ชุมชนที่ต่างด้าวพักอาศัยจำนวน 1 ชุมชน
– ร้านบาโฮส นั่งดริ้ง จำนวน 3 ร้าน
ผลการปฏิบัติ ได้ประชาสัมพันธ์ร้านค้า สถานประกอบการต่างๆให้รับคนต่างด้าวที่มีใบอนุญาตทำงานถูกต้องเข้าทำงาน, ได้ตรวจสอบและป้องปรามชุมชนที่พักอาศัยของชาวเมียนมา ให้เคารพกฎหมายอย่างเคร่งครัด และรับฟังกฎระเบียบร่วมกันของชุมชน และได้ดำเนินการทำการจับกุมบุคคลสัญชาติเมียนมา จำนวน 10 ราย ในข้อกล่าวหา
1. “ทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต“ และ ”เข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต(หลบหนีเข้าเมือง)“ จำนวน 7 ราย
2. ”ทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต“ และ ”อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด(Overstay) จำนวน 2 ราย
3. ”ทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต“ จำนวน 1 ราย
จากนั้น ได้บุกเข้าตรวจค้น ร้านบาโฮส ชื่อดังย่านโชคชัย 4 เพื่อตรวจสอบบุคคลตามหมายจับในข้อหาทำร้ายร่างกายในเขตพื้นที่ สน.สุทธิสาร ตามเบาะแสที่ได้ขยายผลจากข้อมูลที่ได้รับการประสานจากฝ่ายสืบสวน สน.สุทธิสาร พบบุคคลสัญชาติเมียนมาประมาณ 30 ราย พบบุคคลมีลักษณะรูปพรรณคล้ายคลึงกันจำนวน 1 ราย ซักถามเบื้องต้น ปฏิเสธว่าตนไม่ใช่บุคคลตามหมายจับในข้อหาทำร้ายร่างกาย แต่ยอมรับว่า ตนรู้จักกับบุคคลผู้ก่อเหตุจริง แต่ไม่ได้พบกันนานแล้ว การที่ตนมีลักษณะรูปพรรณคล้ายผู้ก่อเหตุน่าจะเนื่องจากมีเชื้อชาติเดียวกัน มีวัฒนธรรมคล้ายกัน จึงมีความเชื่อ การแต่งกาย การสัก คล้ายกัน โ

ดยให้ข้อมูลว่า บุคคลสัญชาติเมียนมาตามหมายจับนั้น เคยทำงานร้านอาหารร่วมกับตนจริงเมื่อ 2-3 ปีมาแล้ว แต่ไม่ได้สนิทกัน จากการสอบถามขยายผลจากผู้ดูแลร้านอาหาร ย่านโชคชัย 4 ดังกล่าว ทราบว่าเคยพบเห็นบุคคลเมียนมาตามหมายจับจริง แต่เมื่อหลายเดือนมาแล้ว ได้เดินทางมาหาเพื่อนที่ร้าน และขอทำงาน แต่ตนปฏิเสธไม่รับเข้าทำงานเนื่องจากไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ไม่เคยพบกันอีก จากนั้น เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้จับกุมบุคคลซึ่งมีตำหนิรูปพรรณคล้ายบุคคลตามหมายจับ ในข้อหา “ทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” นำส่ง พนักงานสอบสวน สน.โชคชัย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป