วันที่23มีค.68 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์จากนางประไพ หัดเจริญ อายุ57ปี ว่านายกิตติ หัดเจริญ อายุ 32ปี อยู่บ้านเลขที่ 275 ม.7 ต.สัมพันตา อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี เมื่อช่วงเที่ยงวันศุกร์ที่21มีค.68ที่ผ่านมาได้มีชุดฝ่ายปกครองกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน7-8คนขับรถยนต์กระบะมาแล้วจอดที่หน้าบ้านจากนั้นวิ่งไปยังบ้าน เพื่อที่จะจับกุมตัวนายกิตติ หัดเจริญ อายุ 32ปี เพื่อที่จะเอาตัวไปบำบัดรักษาเนื่องจากลูกชายเป็นผู้เสพยาเสพติด ขณะนั้นลูกชายนอนอยู่ในเปลใต้ถุนบ้านเมื่อลูกชายเห็นเจ้าหน้าที่วิ่งกรูกันเข้ามา ด้วยความตกใจกลัวจึงลุกจากเปลที่นอนอยู่แล้ววิ่งหนีไปทางด้านหลังบ้านซึ่งเป็นป่ายางพารา
ขณะนั้นตนเองได้วิ่งตามเจ้าหน้าที่ด้วย ได้ยินเสียงเสียงเจ้าหน้าที่ตะโกนให้ลูกชายหยุด เสี้ยววินาทีนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด และลูกชายได้ล้มลงเสียงเจ้าหน้าที่บอกว่าลูกชายล้มลงทับตอไม้เลือดออก บางคนบอกว่าถูกยิงขณะนั้น ตนเห็นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งถือปืนจึงวิ่งเข้าไปดูลูกชายพร้อมร้องตะโกนบอกว่า เรื่องแค่นี้ถึงขนาดยิงกันเลยเหรอจากนั้นทางเจ้าหน้าที่จับกุมตัวนายกิตติที่นอนฟุบอยู่กับพื้น แล้วนำตัวขึ้นรถกระบะออกจากที่เกิดเหตุทำตัวส่งโรงพยาบาล ซึ่งลูกชายก็บอกว่าตนเองถูกยิงรู้สึกเจ็บที่หลังและขา ทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมบอกว่าไม่ให้ไปแจ้งความ ซึ่งยอมรับว่าลูกชายเสพยามาตั้งแต่อายุ 16ปี แต่ก็ไม่เคยไปทำร้ายใครและไม่เคยลักของคนอื่น แต่อยากจะให้ไปบำบัดรักษา ซึ่งยังอยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะเข้าทำการบำบัดรักษาหรือไม่เพราะกลัวติดคุก แต่มาเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน
นายกิตติผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลกบินทร์บุรี ทางญาติบอกว่าคนไข้ถูกยิงด้วยอาวุธปืนที่บริเวณหลังด้านขวา กระสุนทะลุกระเพาะ ลำไส้เล็กเลือดออกไม่หยุด พูดไม่ได้และรู้สึกชาที่ขาขวา และช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ผ่านมาแพทย์ได้นำตัวคนไข้เข้าห้องเอกซเรย์ และนำตัวคนไข้เข้ารักษาตัวอยู่ในห้อง ICU.เมื่อช่วง 4 ทุ่มของเมื่อคืนที่ผ่านมา
นส.ธัญชนก หัดเจริญ น้องสาวกล่าวว่า พี่ชายพูดไม่ได้และรู้สึกชาที่ขา จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางเจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุ แค่ผู้เสพยามาจับตัวเพื่อที่จะไปรักษาแต่มีการใช้อาวุธซึ่งไม่รู้ว่าใครเป็นคนยิง อยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ ซึ่งขณะนี้พี่ชายของตนเองนอนพักรักษาตัวอยู่ในห้อง ICU.โรงพยาบาลกบินทร์บุรี
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามยังนายสมใจ พุทธเสนา นายอำเภอนาดีทางโทรศัพท์กล่าวว่าเป็นนโยบายของทางการให้นำตัวผู้เสพไปบำบัด แต่ได้รับรายงานว่าระหว่างเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวไปนำตัวผู้บาดเจ็บแต่มีอารมณ์ร้อนมีการใช้อาวุธปืนระหว่างทำงาน ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าใครเป็นคนใช้อาวุธจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ส่วนคดีได้ให้ตำรวจดำเนินการตามข้อเท็จจริง